เบื้องหลังตามรวบ'มือปืนป๊อปคอร์น'

เบื้องหลังตามรวบมือปืนป๊อปคอร์น "วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์"คดียิงปะทะที่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.57 ก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 1 วัน
คดียิงปะทะที่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.57 ก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 1 วัน ตำรวจได้จับกุม นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "มือปืนป๊อปคอร์น" เพราะใช้อาวุธสงครามคลุมด้วยถุงข้าวโพด ยิงปะทะกับฝ่ายตรงข้ามในวันเกิดเหตุ
ตั้งแต่หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้พยายามรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับนายนิวัฒน์ และบุคคลอื่นอีก 3 คน แต่ศาลไม่อนุมัติหมายจับให้ และมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีเป็นเพียงภาพถ่ายที่มีบุคคลบันทึกภาพไว้ได้ในวันเกิดเหตุเท่านั้น
พนักงานสอบสวนจึงกลับมารวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง และได้เสนอศาลออกหมายจับทั้ง 4 คนอีกรอบ ก่อนวันจับกุมเพียง 1 วัน ครั้งนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับนายนิวัฒน์เพียงคนเดียว เนื่องจากมีภาพที่เห็นใบหน้าชัดเจนว่ามีรูปพรรณสันฐานตรงกับ "มือปืนป๊อปคอร์น" ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย พนักงานสอบสวนยังคงต้องหาพยานหลักฐานไปแสดงต่อศาลเพิ่มเติม
วันที่ 19 มี.ค. นายวิวัฒน์ ถูกตำรวจชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) และชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ภายใต้การกำกับของ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ติดตามจับกุมได้ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ระหว่างที่นายนิวัฒน์ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านของนายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู
นายนิวัฒน์ ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เรื่องห้ามนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถาน
การจับกุมนายวิวัฒน์ เกิดขึ้นหลังจากตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบว่า หลังเกิดเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ นายวิวัฒน์ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส.และเพิ่งออกจากพื้นที่ชุมนุมไปหลัง กปปส.ประกาศยุบเวทีที่ห้าแยกลาดพร้าว
ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า นายวิวัฒน์มีความสนิทสนมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ทำงานอยู่ในย่านห้วยขวาง และไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.เป็นประจำ ตำรวจจึงพยายามติดตามความเคลื่อนไหว กระทั่งทราบว่าผู้หญิงเดินทางไปยัง จ.สุราษฏร์ธานี ตำรวจชุดสืบสวนจึงติดตามไปกระทั่งพบว่า นายวิวัฒน์กำลังเดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง ใกล้กับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมกับผู้หญิงรายดังกล่าว
ระหว่างที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม นายวิวัฒน์พยายามใช้กำลังต่อสู้เพื่อหลบหนี แต่ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ หลังถูกจับ นายวิวัฒน์ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาจริง และยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงบริเวณแยกหลักสี่ สาเหตุที่เดินทางไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี เพราะไปพักอยู่ที่บ้านของ นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู สมาชิก "กลุ่มซีลราชสิทธิ์" ซึ่งร่วมเคลื่อนไหวกับ กปปส.มาด้วยกัน
ทั้งนี้ นายวิวัฒน์ นอกจากถูกศาลออกหมายจับในคดีมีและใช้อาวุธสงครามในเหตุปะทะที่แยกหลักสี่แล้ว ก่อนหน้านี้ยังเคยถูกหมายจับในคดีครอบครองยาเสพติดของ สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก เมื่อปี 54 ด้วย
นายนิวัฒน์ถูกชักชวนจากรุ่นพี่ให้เข้าร่วม "กลุ่มซีลราชสิทธิ์" ซึ่งเป็นกลุ่มอดีตนักศึกษาอาชีวะที่เข้าไปเป็นการ์ดให้กับกลุ่ม คปท. (เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย) ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับการฝึกอาวุธจากอดีตทหารที่เรียกขานตัวเองว่า "กองทัพนิรนาม" โดยการฝึกอาวุธทำในเวลากลางคืนในสวนหย่อมแห่งหนึ่งใกล้กับพื้นที่ชุมนุมเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
สำหรับความคืบหน้าคดีอื่นๆ เริ่มจากคดีคนร้ายปาระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง ขณะขบวนของ กปปส. นำโดย นายสุเทพ เทืองสุบรรณ เลขาธิการกปปส.เคลื่อนผ่าน และคดีคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายเป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลออกหมายจับนายกฤษฎา ไชยแค ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แต่ไปอาศัยอยู่ที่ จ.นนทบุรี โดยนายกฤษฎาเป็นการ์ดของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยผ่านการฝึกใช้อาวุธกับ "เสธ.คนดัง" ปัจจุบันเป็นกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์นนทบุรี ล่าสุดมีข้อมูลว่าหลบหนีคดีอยู่ในประเทศกัมพูชา
ส่วนคดียิงระเบิดเอ็ม 79 ที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ เป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต 2 คนนั้น ขณะนี้ตำรวจยังไม่สามารถออกหมายจับใครได้ แต่ได้เรียกสอบปากคำพยานไปแล้ว 25 ปาก เชื่อว่าจุดที่คนร้ายใช้เป็นสถานที่ยิงระเบิดเอ็ม 79 คือลานจอดรถชั้น 9 อาคารพาราเดียม จากการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดโดยรอบในช่วงเกิดเหตุ พบรถต้องสงสัยจำนวน 5 คัน ตำรวจยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
คดียิง นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. (กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ) ที่หน้าวัดศรีเอี่ยม ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 24 ม.ค.57 ศาลจังหวัดพระโขนง อนุมัติหมายจับชาย 2 คน ได้แก่ นายธวัชชัย พรหมจันทร์ ซึ่งอยู่ท้ายรถกระบะที่ตามรถของนายสุทิน และชายไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อลายพราง ถือปืนตามภาพสเก็ตช์ ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง พกพาอาวุธปืน และยิงปืนโดยไม่มีเหตุผลอันควร
แต่ล่าสุดนายธวัชชัยได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่มือปืนที่ยิงนายสุทิน และในวันเกิดเหตุอยู่บนรถกระจายเสียงคันเดียวกับนายสุทิน ซ้ำยังเป็นคนที่พยายามช่วยเหลือให้นายสุทินหลบวิถีกระสุน และนำนายสุทินส่งโรงพยาบาลด้วย นอกจากนี้ นายธวัชชัย ยังเป็นแกนนำผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับนายสุทินชนิดเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จึงไม่มีสาเหตุอันใดที่จะต้องยิงนายสุทิน
คดีนี้ตำรวจใช้วิธีการตรวจสอบภาพถ่ายและคลิปวีดีโอที่มีประชาชนบันทึกไว้ เพื่อหาเบาะแสของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เป็นหลัก โดยก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดี และได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ







