แกะรอย'หลวงปู่-สมชาย'ร่วมโต๊ะเจรา

แกะรอย'หลวงปู่-สมชาย'ร่วมโต๊ะเจรา

สมัยที่นายสมชายยังรับราชการเคยนิมนต์หลวงปู่ไปเป็นวิทยากรสอนปฏิบัติธรรม จึงมีความคุ้นเคยกันมา

การเจรจาระหว่างคนในวง "คู่ขัดแย้งหลัก" ในวิกฤติการเมืองไทยรอบล่าสุด คือ หลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย กับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่อเค้าสร้างความหวังให้สังคมไทยได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ

เพราะการเปิดข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คของหลวงปู่ และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งทำหน้าที่เป็น "คนกลาง" ส่งผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องถอยออกห่าง โดยเฉพาะคู่ขัดแย้งอีกฝ่าย

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงเจรจานี้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า "หลวงปู่ทำเสียของ เป็นการบ่มแก๊สที่เร็วเกินไป กว่าจะถึงวันนี้มิใช่ได้มาง่ายๆ แม้การเจรจาดังกล่าวจะไม่ได้ข้อยุติที่เป็นรูปธรรมใดๆ เลย แต่อย่างน้อยก็ได้รับฟังความต้องการและเสียงของหัวใจอีกฝ่ายที่อยากเห็นทางออกของประเทศ เพื่อไม่ให้บอบช้ำไปกว่าที่เป็นอยู่"

ขณะที่ นายสมชาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คเข่นกันว่า "การเจรจาครั้งนี้ได้ตกลงกันแล้วว่าไม่ควรนำไปแถลงต่อสื่อ แต่น่าเสียดายที่พระพุทธะอิสระไปโพสต์ในเฟซบุ๊ค นำเรื่องพูดคุยกันไปกระจายและเปิดเผยต่อ ซึ่งอาจจะไม่ตรงและครบถ้วนทุกประเด็น"

ตามด้วยการถอยอย่างมีเชิง "การไปเจรจาหารือที่เกิดขึ้นเป็นเพราะได้รับการติดต่อจากนายสมชัย (กกต.) ว่าพระพุทธะอิสระอยากจะคุยด้วยเรื่องประเด็นการชุมนุมและการปฏิรูปประเทศ และด้วยบ้านผมอยู่ใกล้กับที่ชุมนุมแจ้งวัฒนะ ก็เลยไป ส่วนเรื่องคนเสื้อแดงได้เรียนไปแล้วว่าผมหรือพรรคเพื่อไทยไม่สามารถสั่งให้คนเสื้อแดงดำเนินการหรือไม่ดำเนินการใดๆ ได้"

หลายคนสงสัยว่าการพบปะพูดคุยกันดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร มีอะไรลึกๆ มากกว่านายสมชัยประสานงานหรือไม่ เป็นประเด็นที่น่าติดตาม เพราะเมื่อสอบถามข้อมูลจากการ์ดและผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่าไม่ทราบเรื่องการเจรจามาก่อน เนื่องจากในกำหนดการที่หลวงปู่ประกาศในตารางกิจกรรมวันที่ 24 ก.พ.มีเพียงการเดินทางไปที่วอยซ์ทีวีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ไม่ทราบ

หนำซ้ำเมื่อผู้สื่อข่าวจะติดตาม ก็ถูกหลวงปู่ไล่ไม่ให้ตาม หลังจากเห็นว่าหลวงปู่กำลังมุ่งหน้าไปทางตึกกระทรวงยุติธรรม

หากไล่เรียงการนัดหมายของทั้งสองฝ่าย เริ่มปรากฏชัดในช่วงเวลาที่หลวงปู่พุทธะอิสระนำมวลชนไปยังหน้าสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ริมถนนวิภาวดีรังสิต โดยหลวงปู่ได้เล่าเหตุการณ์ประจำวันบนเวทีปราศรัย กปปส.แจ้งวัฒนะช่วงค่ำหลังการเจรจาผ่านไปแล้ว

"วันนี้ไปไม่ได้เสียเที่ยว (ไปชุมนุมหน้าวอยซ์ทีวี) ตอนเย็นยังไปเจรจาความเมืองใหญ่ ที่จริงว่าจะไม่เจรจา เขานัดบ่ายสาม คนกลางคือ คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็โทรตื๊อ...หลวงปู่มาได้ไหม..ไปได้ แต่ตอนนี้กำลังชิงชัยขอให้ได้ชัยก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน รองปลัดกระทรวง (หมายถึงนายธวัชชัย) ก็โทรมาอีก ปล่อยให้มันอยากไปก่อน มันเป็นกุศโลบายในการเจรจา...มาได้ไหม ปลีกตัวมาก่อนเลย คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั่งรออยู่ มาได้ไหม....รอไปก่อน ยังไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์"

จากการถอดความการบอกเล่าบนเวทีของหลวงปู่ ทำให้ทราบว่าการเจรจาที่แม้ไม่มีข้อต่อรองหรือข้อปฏิบัติร่วมกันของทั้งสองฝ่าย แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ส่งออกมาว่าคู่เจรจายังต้องการพูดคุยกันต่อไป เพราะหลวงปู่ได้บอกผ่านนายสมชายไปว่า หากต้องการเจรจาต้องยุติการลอบทำร้ายผู้ชุมนุมก่อนสัก 3-5 วันจึงจะเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ถ้ามีการลอบทำร้ายอีกก็ตัวใครตัวมัน อย่าว่ากันถ้าจะต้องหักหาญน้ำใจกัน

อย่างไรก็ดี จากเงื่อนไขดังกล่าวมีแนวโน้วว่าการเจรจาอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกก็ได้ เพราะคล้อยหลังการเจรจาไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 ก.พ.ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันที่ 25 ก.พ. มีการโจมตีผู้ชุมนุมเวที กปปส.สวนลุมพินี-สีลมด้วยระเบิดไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง และการยิงตอบโต้กันไปมานานถึง 2-3 ชั่วโมง

"ทำไมต้องเป็นนายสมชาย?" เป็นอีกหนึ่งคำถามหนึ่งที่หลายคนสงสัย

คำถามนี้อธิบายได้ว่า นอกเหนือจากสถานะของนายสมชายที่มีศักดิ์เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว สมัยที่ยังรับราชการ เขาเคยนิมนต์หลวงปู่พุทธะอิสระไปเป็นวิทยากรสอนการปฏิบัติธรรมในหน่วยงานที่เขาดูแลอยู่ จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อนบ้าง

นอกจากนั้น หากจับกระแสรุกของ กปปส.ในช่วงนี้ที่พลิกเกมเล่นงานธุรกิจในเครือชินวัตรอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงโรงแรมเอสซีปาร์ค ซึ่งเป็นธุรกิจของนายสมชายและครอบครัวเอง รวมไปถึงวอยซ์ทีวี ย่อมไม่แปลกที่นายสมชายต้องปรากฏกายเอง

อย่างไรก็ตาม หากมองอีกแง่หนึ่ง การที่สมชายไปร่วมเจรจา เท่ากับเป็นการตบหน้าแกนนำเสื้อแดงอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ด้วย เพราะ นายณัฐวุฒิ เพิ่งโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คพาดพิงหลวงปู่ โดยมีใจความท่อนหนึ่งว่า "ตัวผมและคนในสังกัดพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดจะเจรจากับหลวงปู่"

หรือจุดนี้เองที่ทำให้อดีตนายกฯสมชายไม่ค่อยพอใจที่ทั้งภาพและความเคลื่อนไหวของตนในเรื่องเจรจาถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ

แต่การที่ข่าวรั่วออกมา ย่อมทำให้ได้ตระหนักว่าบทบาทของหลวงปู่พุทธะอิสระนั้นไม่ธรรมดา สมดังที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าพระรูปนี้มีดีอะไรจึงกล้าประกาศเป็นผู้นำการชุมนุมโดยยึดพื้นที่ชายแดนที่เสี่ยงอันตรายอย่างแจ้งวัฒนะ หนำซ้ำยังไม่ยอมเลิกเวที ทั้งๆ ที่อีกหลายๆ เวทีเก็บฉากไปเรียบร้อย

วันนี้ข้อสังเกตที่ว่านี้คงพอได้คำตอบกันบ้างแล้ว...

ที่สำคัญหลวงปู่ได้พูดเอาไว้กับคนใกล้ชิดหลายครั้งว่าโยมแม่เคยถามเมื่อไรจะกลับบ้าน หลวงปู่ตอบว่า "กลางเดือนมีนาฯจะกลับ" สอดรับกับแกนนำระดับคีย์แมนอีกหลายๆ คน รวมทั้งอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อย่าง นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่พูดเป็นนัยๆ ตรงกันว่าเดือนมีนาฯ ทุกอย่างต้องจบ

หรือนี่คืออีกหนึ่งจังหวะก้าวที่จะนำไปสู่บทจบของสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองที่ว่ากันว่าหนักหนาที่สุดรอบนี้!?!