'อภิสิทธิ์'ซัดนายกฯศูนย์กลางปัญหาทุจริต

'อภิสิทธิ์'ซัดนายกฯศูนย์กลางปัญหาทุจริต

"อภิสิทธิ์"ซัด"ยิ่งลักษณ์" เป็นศูนย์กลางปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอย่างบูรณาการ เผย5หัวข้ออภิปรายซักฟอกมุ่งปมทุจริต

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเป็นผู้ชี้แจงและตอบคำถามด้วยตนเอง สำหรับประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เนื่องจากการที่รัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจศาล และอำนาจรัฐธรรมนูญ จนทำให้เกิดภาวะไร้ระเบียบ เกิดการประท้วงลุกลาม หากปล่อยให้เป็นอย่างเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดภาวะของรัฐที่ล้มเหลว และประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม แม้ประชาชนจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นใบอนุญาตให้รัฐบาลนั้นเข้ามาปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน หรือทำทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงคุกคามปิดปากฝ่ายที่เห็นต่าง สำหรับประเด็นการอภิปรายของฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นศูนย์กลางของปัญหาการทุจริต คอรัปชั่นอย่างบูรณาการทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงปล่อยให้ทุจริตตั้งแต่บนยอดเขาไปสู่พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล อย่างมีประโยชน์แอบแฝง

"การกระทำที่อ้างความเป็นรัฐบาลซึ่งได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน แต่กลับมาสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน โดยหลายครั้งรัฐบาลจับประเทศและปรชาชนเป็นตัวประกัน โดยนายกฯได้ปล่อยให้คนในกลไกของรัฐบาลทำทุจริต และหลายกรณีมีการเอื้อพวกพ้อง ผู้สนับสนุนทางการเมือง แกนนำมวลชนฝ่ายตนเอง และที่สำคัญรัฐบาล ภายใต้กานำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติกรรมทำลายกลไกการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น คือ 1.การทุจริตเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง 2.การทุจริตในเชิงนโยบาย 3.การทุจริตที่ดำเนินการเตรียมการ เลี่ยงระบบงบปราณ 4.การทุจริตที่วางแผนโดยการทำลายกลไกระบบตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น ทั้งในส่วนของ ปปท., ป.ป.ช. และกระบวนการยุติรรม และ5.มีการตรากฎหมายเพื่อเอื้อให้ทุจริตคอรัปชั่นมากยิ่งขึ้น"นายอภิสิทธิ์ อภิปราย

นายอภิสิทธิ์ อภิปรายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นได้สะท้อนวิธีคิด และวิธีทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คือการนำความเดือดร้อนของประชาชนมาบังหน้า โดย 1.ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี 2554 มีการของบประมาณ 1.2แสนล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียด รวมถึงมีการออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ในประเด็นแรกคือการทุจริตเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง จะพบว่ารัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาคประชาชนเข้ามาตรวจสอบโครงการ

ทั้งนี้ ในข้อเท็จจริงพบว่าตาม พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ที่กำหนดให้เบิกเงินก่อน 30 มิ.ย.56 และไม่ได้ใช้เงินตามที่กำหนด ถือว่ารัฐบาลได้ทำผิดกฎหมายและหากยังคงเดินหน้าต่อเชื่อว่าจะเปิดโอกาสให้มีการทุจริตคอรัปชั่นในการจัดซื้อจัดจ้าง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า 2. มีการออกแบบนโยบายเพื่อเอื้อให้มีการทุจริตคอรัปชั่นทุกขั้นตอน คือ โครงการรับจำนำข้าวที่พบว่ามีพวกพ้องของรัฐบาลได้รับประโยชน์จากโครงการเกินครึ่งหนึ่งที่ชาวนาได้ประโยชน์ ในประเด็นที่ฝ่ายหน้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ คือ ยืนยันว่ามีการทุจริต โดยเฉพาะในกรณีการระบายน้ำ การนำข้าวไปบรรจุถุง ซึ่งมีหลักฐานการสูญเสียหลักหมื่นล้านบาท , 3. การออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่พบว่ารัฐบาลได้ไปทำข้อตกลงกับประเทศจีนให้เข้ามาทำโครงการรถไฟ โดยแลกเปลี่ยนกับการขายข้าว ทั้งนี้มีผู้แทนหลายประเทศเป็นห่วงว่าการเปิดประมูลเรื่องดังกล่าวจะไม่เป็นไปตามการแข่งขันปกติ นอกจากนั้นแล้วยังพบว่าการทำทุจริตยังลามมาถึงห้องประชุมสภาฯ เพราะพบว่ามีการกดบัตรแทนกันระหว่างการลงมติร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2ล้านล้านบาท

4.การโยกย้ายบุคคลที่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบแกนนำคนเสื้อแดงระดับเล็ก โดยที่ผ่านมาได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่ได้เสนอเรื่องตรวจสอบกรณีนำเข้ารถหรู ถือเป็นการบั่นทอนการตรวจสอบ และ 5. การออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมือง เพื่อนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ทำทุจริตคอรัปชั่น ทำให้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก นอกจากนั้นแล้วยังพบว่าได้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและมาตรฐานพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยเปิดให้บุคคลที่ถูกต้องคำพิพากษาให้จำคุก หรือ รอลงอาญาสามารถเข้ามาเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจได้