แกนนำส้มลงพื้นที่ศูนย์อพยพ 'ณัฐพงษ์' ส่งแรงใจให้ ปชช.-จนท.

เมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า คืนนี้มาเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบพี่น้องประชาชนที่ต้องอพยพจากการปะทะไทย-กัมพูชา ระลอกล่าสุด โดยใน 3 ศูนย์อพยพที่ผมเดินทางไปวันนี้ มีจำนวนผู้อพยพรวมกันกว่า 800 คน พี่น้องจำนวนหนึ่งที่ผมได้พูดคุย สะท้อนว่าแม้จะได้รับการเยียวยาบางส่วนจากรัฐบาล และได้รับการดูแลอย่างดีจากศูนย์อพยพ การกินอยู่ไม่ลำบาก

แต่พวกเขาก็ยังรู้สึก ‘ล้า’ เพราะต้องอยู่ศูนย์อพยพมาเป็นระยะเวลานาน และมีความเป็นห่วง ต้องทิ้งเรือกสวนไร่นาและสัตว์เลี้ยงมาแล้วเกือบ 2 สัปดาห์ ขาดรายได้ จึงอยากกลับสู่ภาวะปกติ เพื่อจะได้สามารถดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพการงานตามแต่เดิม เพื่อให้มีเงินมาหล่อเลี้ยงและใช้หนี้ วันนี้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากกลับบ้าน”

ตนยังได้ไปเยี่ยมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ต้องขอชื่นชมพี่ ๆ ชรบ. ที่ทำงานอย่างเข้มแข็งไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อยในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ แม้บางพื้นที่จะจัดอยู่ในเขตสีส้มหรือสีแดงที่ความเสี่ยงสูง เรียกว่าเป็นสปิริตของผู้นำ-ผู้ดูแลชุมชน

"ผมขอส่งแรงใจไปให้พี่น้องทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันครั้งนี้ และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววันครับ" นายณัฐพงษ์ ระบุ

ขณะเดียวกันคืนวานนี้ (22 ธ.ค.) เวลาประมาณ 20.30 น. อดีต สส.พรรคก้าวไกล และพรรค ปชน. เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร น.ส.เบญจา แสงจันทร์ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน พร้อมด้วยนายไพโรจน์ บัวเผื่อน ว่าที่ผู้สมัคร สส.จันทบุรี เขต 3 ได้เดินทางไปพบกับ ผู้ใหญ่มนัส อากร (ผู้ใหญ่อึ่ง) ณ ตำบลสะตอน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี และได้ร่วมประชุมกับ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อรับฟังการปฏิบัติหน้าที่ของพี่น้อง ชรบ. ภายใต้สถานการณ์การสู้รบในปัจจุบัน

แม้ในขณะนี้ประชาชนในตำบลสะตอนจะทยอยเดินทางออกจากศูนย์อพยพกลับสู่บ้านเรือนของตนเองแล้ว แต่พี่น้อง ชรบ. ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในยามวิกาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสังเกตการณ์ความผิดปกติในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบใช้โดรนของกลุ่มไม่ทราบฝ่าย การแฝงตัวของบุคคลแปลกหน้า หรือภัยคุกคามรูปแบบอื่น ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน รวมถึงทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับฝ่ายความมั่นคง

"ผมขอขอบคุณ ผู้ใหญ่อึ่ง พี่ตุ๊ก พี่สาย และพี่น้อง ชรบ. ทุกๆ ท่าน ที่ได้กรุณาเปิดโอกาสให้พวกเราได้ร่วมลาดตระเวนในพื้นที่ และยังได้นำพาพวกเราไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และพูดคุยกับทหารนาวิกโยธิน ที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในพื้นที่อย่างเป็นกันเอง" นายวิโรจน์ ระบุ

นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า พวกเราขอยืนยันว่า ความเข้มแข็งและความพร้อมของ ชรบ. ในการดูแลความปลอดภัยของชุมชน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้การอพยพของประชาชนเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ และมีประสิทธิภาพ เพราะประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า ชรบ. จะคอยดูแลบ้านเรือนให้ ในยามทีาอพยพออกมา และ ชรบ. ยังเป็นกลไกในการสนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคงในระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับความกังวลของพี่น้อง ชรบ. ที่การปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบันยังคงเป็นงานอาสา และขาดงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอ ทั้งอาวุธประจำกาย เงินเบี้ยเลี้ยง หรือแม้แต่เครื่องแบบ ซึ่ง ชรบ. ทุกท่านต้องควักเงินส่วนตัวเพื่อตัดชุดเอง ในประเด็นเหล่านี้ ผมจะรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำนโยบาย และผลักดันแนวทางแก้ไขอย่างจริงจังต่อไป

ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณผู้ใหญ่อึ่ง (มนัส อากร) และพี่น้อง ชรบ. ทุกท่านจากใจจริง ขอบคุณในความเสียสละ ความกล้าหาญ และความตั้งใจที่ยืนหยัดดูแลชุมชน แม้จะต้องทำงานท่ามกลางความเสี่ยง และข้อจำกัดมากมาย การได้ร่วมลาดตระเวนในค่ำคืนนี้ ทำให้พวกเราเห็นอย่างชัดเจนว่า ความปลอดภัยของประเทศ มาจากหัวใจของคนธรรมดา ที่ลุกขึ้นมาร่วมกันปกป้องบ้านเมืองกันคนละไม้ละมือ ขอบคุณในความเสียสละของ ชรบ. ทุกท่าน มา ณ ที่นี้ครับ

ที่มา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut, Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร