จับตากระแส-บ้านใหญ่ ปัจจัยชี้ขาดเลือกตั้ง 69

ขณะที่ด้านหนึ่ง หลายคนยังคงจับตามองว่า การตัดสินใจของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะ “ยุบสภา” วันไหนแน่
ในวันที่ 12 ธันวาคม วันเปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปี ตามคำขู่หรือไม่ ซึ่งเงื่อนไขอยู่ที่ “เพื่อไทย” จะยื่นญัตติอภิปรายไว้วางใจหรือไม่
อีกด้านที่หลายคนจับตามองเช่นกันไม่ว่า ยุบสภา ช้าหรือเร็ว ก็คือ กระแสนิยมของแต่ละพรรคการเมือง โอกาสใครดีกว่ากัน ด้วยปัจจัยอะไรเป็นแรงสนับสนุน ก่อนที่คะแนนจริงในวันเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้ขาดในที่สุด
แน่นอน, สิ่งที่จะบอกได้ใกล้เคียงความจริงที่สุดก็คือ “ผลโพล” หรือ ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน นั่นเอง
เริ่มจาก ผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง “พรรคการเมืองไทย พรรคใดได้เปรียบ” พบว่า “พรรคภูมิใจไทย” ถือเป็นพรรคที่ได้เปรียบมากที่สุดถึง 8 ข้อ
โดยเฉพาะด้านความพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล ร้อยละ 41.36 ความพร้อมด้านทรัพยากร (ทุน) 40.80 และความสามารถในการทำงานทางการเมือง 35.79
ขณะที่ “พรรคประชาชน” ได้เปรียบเรื่องความทันสมัย ร้อยละ 50.06 ความสามารถในการตรวจสอบ 41.69 และความสามารถในการสื่อสาร 34.39 ส่วน “พรรคเพื่อไทย” ได้เปรียบประสบการณ์ทางการเมืองข้อเดียว ร้อยละ 29.88
ด้านประเด็นความซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนยังไม่แน่ใจว่าพรรคใดมีความโดดเด่น ร้อยละ 22.52 ส่วนถามว่า หากมีการเลือกตั้งจะเลือกแบบบัญชีรายชื่อ อย่างไร พบว่า พรรคประชาชนมากที่สุด ร้อยละ 26.25 รองลงมาคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 22.02 และพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 12.54 จากผลสำรวจดังกล่าว
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยประชาชนมองว่า มีศักยภาพเชิงโครงสร้างในการทำงาน
ขณะที่พรรคประชาชนเด่นด้านภาพลักษณ์ใหม่ สื่อสารดี และตรวจสอบได้ ส่งผลให้คะแนนนิยมแบบบัญชีรายชื่อขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่ง แม้ไม่ทิ้งห่างภูมิใจไทยมากนัก
นั่นหมายความว่า หากมีการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ทิศทางการแข่งขันน่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแปลงภาพลักษณ์และศักยภาพที่มี ให้เป็นความเชื่อมั่นเพื่อตัดสินใจในวันเลือกตั้ง
ขณะที่ ผศ.มนตรี พานิชยานุวัฒน์ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า ผลโพลครั้งนี้สะท้อนภาพรวมที่น่าสนใจของการแข่งขันทางการเมืองไทยในปัจจุบัน
โดยพบว่า พรรคภูมิใจไทย ยังคงครองความได้เปรียบในหลายมิติ ทั้งความพร้อมในการเป็นรัฐบาล การมีทรัพยากรเพียงพอและศักยภาพด้านการทำงานทางการเมืองและในทางสภา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพของพรรคการเมืองในระยะยาว
ขณะเดียวกัน พรรคประชาชนกลับโดดเด่นในมิติที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ยุคใหม่ เช่น ความทันสมัย ความสามารถในการสื่อสาร และศักยภาพด้านการตรวจสอบ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเมืองที่ฐานเสียงคนรุ่นใหม่มีบทบาทมากขึ้น ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้จะยังมีความได้เปรียบด้านประสบการณ์ทางการเมือง แต่กลับไม่สามารถครองความโดดเด่นประเด็นอื่นๆได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังไม่มั่นใจเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง สะท้อนความไม่ไว้วางใจที่ยังคงอยู่ในระบบพรรคการเมืองโดยรวม และเมื่อหันมาพิจารณาความนิยมแบบบัญชีรายชื่อ
“หากมีการเลือกตั้งวันนี้ กลับพบว่าพรรคประชาชนได้รับคะแนนสูงสุด แซงหน้าภูมิใจไทย แม้ในหลายด้านภูมิใจไทยจะมีศักยภาพเหนือกว่า ซึ่งชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่าง “ภาพลักษณ์เชิงศักยภาพ” กับ “พฤติกรรมเลือกตั้งจริง” ของประชาชน
ปรากฏการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่า การเมืองไทยยังคงเปิดกว้าง และความนิยมทางการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์และอารมณ์สังคมในช่วงเวลานั้นๆ” ผศ.มนตรี กล่าว
จากภาพรวมดังกล่าว เมื่อโฟกัสไปแต่ละภาค เริ่มที่ภาคตะวันออก “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคตะวันออก” ระหว่างวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2568 โดย เมื่อถามถึง
บุคคลที่คนภาคตะวันออกจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 39.75 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 15.90 ระบุ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน)
อันดับ 3 ร้อยละ 15.35 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
อันดับ 4 ร้อยละ 8.20 ระบุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 5 ร้อยละ 5.60 ระบุ พล.อ.รังษีกิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ)
อันดับ 6 ร้อยละ 3.75 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
อันดับ 7 ร้อยละ 3.65 ระบุ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย)
พรรคการเมืองที่คนภาคตะวันออกจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 34.90 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 24.65 ระบุพรรคประชาชน
อันดับ 3 ร้อยละ 10.95 ระบุ พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 4 ร้อยละ 7.95 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 5 ร้อยละ 7.50 ระบุ พรรคเพื่อไทย
อันดับ 6 ร้อยละ 4.25 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ
มาที่ภาคกลาง จากการสำรวจของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 10–13 พฤศจิกายน 2568 กรณี ถามถึง
บุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 35.65 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได
อันดับ 2 ร้อยละ 19.60 ระบุ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน)
อันดับ 3 ร้อยละ12.75 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
อันดับ 4 ร้อยละ 9.15 ระบุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 5 ร้อยละ 4.55 ระบุ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 6 ร้อยละ 3.85 ระบุ พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ)
อันดับ 7 ร้อยละ 3.50 ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
พรรคการเมืองที่คนภาคกลางจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 28.95 ระบุ ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 28.85 พรรคประชาชน
อันดับ 3 ร้อยละ 9.70 พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 4 ร้อยละ 9.60 พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 5 ร้อยละ 8.45 พรรคเพื่อไทย
ภาคอีสาน หรือภาคตะวันออกเฉยงเหนือ ผลสำรวจของ“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคอีสาน” ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2568
บุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 32.40 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 19.70 นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
อันดับ 3 ร้อยละ 18.55 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน)
อันดับ 4 ร้อยละ 8.80 นายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 5 ร้อยละ 6.10 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 6 ร้อยละ 4.80 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
อันดับ 7 ร้อยละ 2.80 พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ)
พรรคการเมืองที่คนอีสานจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 26.05 พรรคประชาชน
อันดับ 2 ร้อยละ 24.65 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 3 ร้อยละ 16.85 พรรคเพื่อไทย
อันดับ 4 ร้อยละ 15.75 พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 5 ร้อยละ 5.55 พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 3.45 พรรครวมไทยสร้างชาติ
มาถึงภาคเหนือ จากเปิดเผยผลสำรวจของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)(9 พ.ย.68) เรื่อง “กระแสการเมืองภาคเหนือ” สำรวจระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2568
บุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 36.60 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 21.50 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ(พรรคประชาชน)
อันดับ 3 ร้อยละ 13.90 นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
อันดับ 4 ร้อยละ 5.90 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 5 ร้อยละ 4.15 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 7 ร้อยละ 2.50 พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ)
พรรคการเมืองที่คนเหนือจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 28.40 ระบุว่ายังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ร้อยละ 28.10 พรรคประชาชน
อันดับ 3 ร้อยละ 16.60 พรรคเพื่อไทย
อันดับ 4 ร้อยละ 10.40 พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 5 ร้อยละ 5.15 พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 พรรครวมไทยสร้างชาติ
สำหรับภาคใต้ แม้ว่ายังไม่มีผลสำรวจออกมา แต่ปัจจัยที่จะบ่งชี้กระแสนิยม อาจประเมินได้จาก ประการแรก การพลิกฟื้นพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาใหม่ โดยมี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับไปเป็นผู้นำ และ “แคนดิเดคนายกรัฐมนตรี”ด้วย ชาวใต้คิดอย่างไร ประการต่อมา กรณีน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ที่เป็นอยู่ พรรคการเมืองไหนสร้างความประทับใจได้บ้าง เชื่อว่า จะเป็นตัวชี้วัดกระแสนิยมคนใต้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนจับตามองไม่แพ้กัน คือ การย้ายพรรคของส.ส. โดยเฉพาะกระแสดูดส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่ดูเหมือนมีอยู่เป็นระลอก ทั้งจากพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานและบ้านใหญ่
ล่าสุด(23 พ.ย.68) พลังดูดระดับแรงสูง ดูดทั้งพรรคเล็ก และบ้านใหญ่พร้อมกันหลายจังหวัด กรณี “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงร่วมงานการเมือง กับ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, นายสนธยา-วิทยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำบ้านใหม่ชลบุรี, นายปิยะ ปิตุเตชะ พี่ชายนายสาธิต ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ทั้งนี้จะเริ่มหลังมีการยุบสภา
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ตบท้ายด้วยวลีเด็ด “พี่เฮ้งกับพี่แป๊ะ ยังดีกันได้เพราะน้องหนู”
จากผลโพลที่ออกมาในช่วงใกล้เคียงกัน แม้ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคยังไม่ชัดเจน(ขณะสำรวจ) แต่เห็นได้ชัดว่า กระแสความนิยมทุกภาค มีชื่อ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ติดกระแสคนที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับต้นๆ โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล ตีตื้นขึ้นมาแบบหายใจรดต้นคอ ส่วนพรรคที่มีกระแสดีที่สุด คือ พรรคประชาชน รองงมาคือ พรรคภูมิใจไทย ที่กระแสพุ่งแรงอย่างชนิดก้าวกระโดดเหนือความคาดหมาย
นี่ยังไม่รวมกระแสล่าสุดในปัจจุบันที่ “อนุทิน” โยมหินถามทางชื่อ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” เพิ่มอีก 2 คน คือ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งได้รับการขานรับเป็นอย่างดี
ที่สำคัญ แม้ว่าพรรคประชาชน จะได้กระแสพรรคมาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ถือว่า ไม่ทิ้งห่างชนิดขาดลอยจากอันดับรองลงมามากนัก ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นรองเรื่องกระแสพรรค แต่ปรากฏว่า โครงการประชานิยม “คนละครึ่ง พลัส” เฟสหนึ่งต่อเนื่องด้วยเฟสสองกำลงทำงาน กระแส “บ้านใหญ่” ส.ส.ไหลซบ ก็ไม่เบาเช่นกัน
อย่าลืม นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า “บ้านใหญ่” จะไม่ประมาทกระแสพรรคประชาชนเหมือนปี 2566 นั่นหมายถึง ความรอบคอบรัดกุมไม่ให้คะแนนเสียงตกหล่นแม้แต่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ปัจจัยชี้ขาดผลเลือกตั้ง 2569 แทบไม่ต้องสงสัยว่าจะอยู่ที่ “กระแสนิยมพรรค” และประสิทธิภาพในการทำคะแนนของ “บ้านใหญ่” นั่นเอง ที่น่าจับตาจะมีบางพรรคได้ทั้งสองอย่างหรือไม่?






