ชิงแต้ม หักเหลี่ยมการเมือง วัดกึ๋น 'ผู้นำ' บริหารภาวะวิกฤต

บทสะท้อน "นายกฯอนุทิน"การแก้น้ำท่วมหาดใหญ่ นอกจากมีปัญหาขีดความสามารถการบริหารสถานการณ์วิกฤติแล้ว ยังมีเรื่องการเมืองเข้ามาเอี่ยว อย่างมองข้ามไม่ได้
KEY
POINTS
- สมช. แจง เจตนารมณ์รัฐบาลในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มุ่งหมายกระชับอำนาจ ลดขั้นตอนช่วยชีวิตประชาชน
- พ.ร.บ. บรรเทาป้องกันสาธารณภัย เป็นกฎหมายที่ออกมาเฉพาะเจาะจงเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณภัย
- "อนุทิน" สวมหมวก2 ใบ เป็นทั้งนายกฯ และ รมว.มหาดไทย การใช้ พ.ร.บ. บรรเทาป้องกันสาธารณภัย เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาน่าจะเพียงพออยู่แล้ว
แม้จะเป็นดุลพินิจของ "อนุทิน ชาญวีระกุล" นายกฯและรมว.มหาดไทย ที่จะใช้อำนาจภายใต้โครงสร้างใดก็ได้ในการบริหารสถานการณ์วิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือการปราบปรามสแกมเมอร์
แต่พลันที่ "นายกฯอนุทิน" ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แก้ปัญหาน้ำท่วม จ.สงขลา โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ พร้อมแต่งตั้ง พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีอำนาจควบคุมพื้นที่ นำมาซึ่งคำถาม "นายกฯอนุทิน"มีจุดอ่อน เรื่องการบริหารสถานการณ์วิกฤติหรือไม่
สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะรับผิดชอบรีบชี้แจงการออกประกาศดังกล่าว ระบุ เจตนารมณ์ของรัฐบาลในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มุ่งหมายกระชับอำนาจ ลดขั้นตอนช่วยชีวิตประชาชน
สามารถบูรณาการทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายพลเรือนและภาคเอกชน ระดมสรรพกำลังทรัพยากรทั้งเครื่องมืออุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ รวมถึงงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้ขีดจำกัด ให้มีความเป็นเอกภาพ
ทว่า พ.ร.บ. บรรเทาป้องกันสาธารณภัย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาเฉพาะเจาะจงเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ไม่ว่าจะเป็น ไฟไหม้ น้ำท่วม ก็ให้อำนาจครอบคลุม ตั้งแต่ ระดับท้องถิ่นสามารถสั่งการได้ท่วงทีหากมีเหตุการณ์
แต่หากภัยพิบัติขยายวงกว้างเกินกำลังท้องถิ่น ยกระดับมาถึงอำเภอ บูรณาการสั่งการ ใช้ทรัพยากรได้ และหากมีความรุนแรง ยกระดับสู่จังหวัดโดย ผู้ว่าราชการจังหวัด
และหากครอบคลุมหลายจังหวัดก็ให้อํานาจ รมว.กระทรวงมหาดไทย สามารถสั่งการครอบคลุมได้ทั่วประเทศอยู่แล้ว
ส่วน "อนุทิน" สวมหมวก2 ใบ เป็นทั้งนายกฯ และ รมว.มหาดไทย การใช้ พ.ร.บ. บรรเทาป้องกันสาธารณภัย เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาเพียงพออยู่แล้ว ทั้ง บูรณาการทรัพยากร บุคลากร พลเรือน ตำรวจ ทหาร ยุทโธปกรณ์ ของ กระทรวง ทบวงกรม
"มุมมองของคนในวงการการแก้ไขปัญหาจัดการน้ำ มองว่าการใช้พ.ร.บ. ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เพียงพออยู่แล้ว แก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ถ้าผู้นำคนนั้นมีภาวะความเป็นผู้นำสูง จะมอบหมายใครก็ได้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และมีอำนาจเหมือน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ กรณีที่มีการปฏิบัติการอะไรไป จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ไม่ให้ถูกฟ้องร้อง
ประชาชนจึงมองว่า การใช้ พ.ร.กฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มาจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เพราะน้ำหนัก พ.ร.ก ฉุกเฉิน ควรแก้ไขปัญหาความมั่นคง ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว ก็สามารถแก้เหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทุกเรื่อง ในเรื่องของภัยพิบัติก็ถือว่ามีอำนาจที่จะนำมาใช้ได้เช่นกัน แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็มองว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้ เรื่องขีดความสามารถ การบริหารงานในภาวะวิกฤติของรัฐบาล" พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขา สมช.ระบุ
ทั้งนี้หากย้อนดูวิธีรับมือการปราบปรามสแกมเมอร์ถือเป็นภาวะวิกฤติระดับโลก "นายกฯอนุทิน" แก้ไขปัญหาแบบไม่วิกฤติ แทนที่จะตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการ มี Single Command ให้มีเอกภาพและสั่งการลงไป แต่รัฐบาลเลือกใช้รูปแบบธรรมดา คือ ตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้เกิดความล่าช้า
ตัดกลับมาน้ำท่วมหาดใหญ่ รัฐบาลมีเครื่องไม้เครื่องมือ เทคโนโลยี ที่สามารถพยากรณ์ ภัยพิบัติได้แม่นยํา เที่ยงตรง แต่กลับประเมินสถานการณ์ต่ําว่าอยู่ในวิสัยที่รับมือได้
เมื่อเกิดความเสี่ยง นายกฯอนุทิน ก็ยังตั้งหลักไม่ได้ ทั้งๆที่มี แผนปฏิบัติตาม พ.ร.บ.บรรเทาป้องกันสาธารณภัย เป็นบทสะท้อนรัฐบาลมีปัญหาในเรื่องการใช้ขีดความสามารถ
แม้กระทั่ง มีประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งมี ผบ.ทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ แต่การทำงานในพื้นที่ ทำให้เกิดความสับสนของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเรื่องคนสั่งการ
หลังปรากฎเหตุการณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จากคำสั่ง "นายกฯอนุทิน" ไม่เห็นด้วยเรื่องการจัดโซนกระจายความช่วยเหลือ และทรัพยากร ของ ผบ.ทหารสูงสุด
“คุณมองไม่เห็น (โซน) หรอก คุณเชื่อผมสิ คุณมองโซนไม่เห็น เพราะระดับน้ำมันเสมอกันหมด ต้องใช้ชาวบ้านนำทาง คุณจะใช้โซนอย่างนั้นมันไม่ได้ผล คุณจะมองโซนไหนๆ มันก็เป็นน้ำหมด คุณต้องสื่อสารไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ผมขอแค่ทหารช่วยนำคนออกจากจากจุดที่ผมช่วยเหลือคนในพื้นที่วิกฤตออกมา ทหารที่บอกว่ามีหน่วยซีล ผมไม่เห็นเลย หรือเขาไปปฏิบัติโซนตะวันออกก็ไม่รู้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ยังถูกมองมีเรื่องการเมืองระดับท้องถิ่น ถึงระดับชาติ เข้ามาเกี่ยวข้อง มีกลุ่มการเมืองหลายก๊วน หวังทำแต้ม ชิงความได้เปรียบเลือกตั้งหน้าที่กำลังมาถึงในเวลาอันใกล้นี้
การชิงเหลี่ยมลงพื้นที่ ไปกํากับดูแลอาจเป็นได้ว่า "นายกฯอนุทิน" ส่งมอบหน้าที่ "ผบ.ทหารสูงสุด" เป็นผู้ควบคุมหวังแก้เกมดังกล่าว
เพราะการที่คนการเมือง แห่ลงพื้นที่หาดใหญ่ ถูกมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการหาเสียง เรียกคะแนนทางการเมือง ท่ามกลางข่าวเตรียมยุบสภา
เหตุเพราะ สงขลาเป็นจังหวัดใหญ่ มี สส.ได้ 9 คน มากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ รองจากนครศรีธรรมราช
ดังนั้นบทสะท้อน "นายกฯอนุทิน" ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ นอกจากมีปัญหาในเรื่องขีดความสามารถในการบริหารสถานการณ์วิกฤติแล้ว ยังมีเรื่องการเมืองเข้ามาเอี่ยว อย่างมองข้ามไม่ได้







