กมธ.มั่นคง กังขา ถกปม 'ยศสิงห์' เคยโดน ป.ป.ช.ฟัน แต่ศาลยกฟ้อง

กมธ.มั่นคงฯ ถกปมทุจริตโยง 'จ.อ.ยศสิงห์' หลัง ป.ป.ช.เคยชี้มูลผิด แต่ศาลยกฟ้อง ทั้งที่จำเลยร่วมโดนหมด 'ชุติพงศ์' ชี้ถ้าใช้หลักการนี้ คงไม่มีนักการเมืองฝ่ายบริหารผิด
KEY
POINTS
- กมธ.ความมั่นคงฯ ตรวจสอบกรณีทุจริตในอดีตของ จ.อ.ยศสิงห์ รมช.อุตสาหกรรม ซึ่ง ป.ป.ช. เคยมีมติชี้มูลความผิดเอกฉันท์ 8 ต่อ 0
- ตั้งข้อสังเกตถึงความน่ากังขาที่ศาลยกฟ้อง จ.อ.ยศสิงห์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และผู้มีอำนาจสูงสุดในการอนุมัติ ขณะที่จำเลยร่วมอีก 6 คนถูกตัดสินว่ามีความผิด
- กมธ. มีความกังวลต่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของบุคคลที่เคยมีประวัติถูกชี้มูลความผิด และต้องการหาข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคม
เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการพิจารณาของกมธ.วันนี้ ที่เกี่ยวกับกรณีของ จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม ที่มีการกล่าวหาเรื่องการทุจริต ว่า เป็นการติดตามความคืบหน้า การชี้มูลความผิดของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มติ 8 ต่อ 0 ก่อนที่ จ.อ.ยศสิงห์ จะดำรงตำแหน่ง รมช.อุตสาหกรรม โดยที่ประชุมกมธ.ฯได้มีการเชิญ ป.ป.ช , อัยการสูงสุด , ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และนายอำเภอบางปะกง มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การชี้มูล และมีคำสั่งออกจาก ป.ป.ช ว่าให้ดำเนินการไปยังกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นที่ จ.อ.ยศสิงห์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศบาลตำบลบางผึ้ง มีความคืบหน้าอย่างไร การชี้มูลและการดำเนินการทางยุติธรรมเป็นอย่างไร
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า เอกสารที่ได้มา พบว่าช่วงเวลาขณะนั้นการชี้มูลเกิดขึ้นเมื่อปี 2565-2566 กระบวนการยุติธรรมหลังจากนั้นพบว่าจำเลยในคดีมี 7 คน จำเลยคนที่ 2-7 มีความผิด ส่วน จ.อ.ยศสิงห์ ซึ่งเป็นจำเลยที่1 ยกฟ้องในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงมีการยกฟ้อง และมีการอุทธรณ์หรือไม่ จากกรณีนี้มีข้อพิรุธเยอะมาก
"เราต้องตามหาข้อเท็จจริงกันต่อเพื่อตามหาข้อกระจ่างให้สังคม เพราะบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง เป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูง มีความรับผิดชอบและมีภารกิจเกี่ยวกับงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จะสร้างผลกระทบได้มากกว่าเดิมหากมีการดำเนินการที่ผิดพลาดในการดำรงตำแหน่ง เหมือนในอดีตที่ผ่านมาจนโดน ป.ป.ช.ชี้มูล" นายชุติพงศ์ กล่าว
นายชุติพงษ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นหลัก ๆ จะเน้นไปที่ผลการสอบสวนในชั้นต้น และ ผลการสอบสวนของ ป.ป.ช. ที่นำสู่การมูลมติ 8 ต่อ 0 จนมีการฟ้องศาล และมีการยื่นอุทธรณ์จำเลยที่มีการยกฟ้อง เพราะจำเลยที่ 1 เป็นตัวตั้งต้น และมีส่วนร่วม แต่แปลกมากที่จำเลย 2-7 โดนคำพิพากษาลงโทษ แต่จำเลยที่ 1 ได้รับการยกฟ้อง ถ้าใช้หลักการแบบนี้ คิดว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนที่อยู่ฝ่ายบริหารจะผิดอีกแล้ว
เมื่อถามว่า สุดท้ายเมื่อตรวจสอบแล้ว พรรคประชาชนจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของ จ.อ.ยศสิงห์ หรือไม่ นายชุติพงศ์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาเรื่องจริยธรรม และคุณสมบัติ เพราะเป็นมาตรวัดที่ไม่ชัดเจน ในการตัดสินการดำรงตำแหน่ง แต่ในฐานะ สส. ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีความจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ และคงไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าทำหน้าที่อย่างเต็มที่หรือไม่ ถ้าปล่อยบางอย่างที่ยังมีข้อสงสัยไป
ส่วนพฤติกรรมการกล่าวหา จ.อ.ยศสิงห์ นั้น นายชุติพงศ์ กล่าวว่า มีการอนุมัติก่อสร้างอาคารที่อยู่ห่างจากสำนักงานเทศบาล ในระยะไม่กี่ร้อยเมตร ในเอกสารพยานยืนยันว่า จ.อ.ยศสิงห์เป็นผู้ไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในเอกสารที่เซ็นเบิกเงินออกมาจ่ายให้กับผู้รับจ้าง และเอกสารที่แนบมาระบุว่าการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ยังเซ็นเบิกออกมา เรื่องแบบนี้กลายเป็นว่าไม่มีความผิด ทั้งที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูล 8 ต่อ 0 วันนี้จึงต้องถาม ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดว่าจะดำเนินการหลังจากนี้อย่างไรต่อ เพราะจำเลยที่ 2-7 คือผู้รับจ้างและข้าราชการมีความผิดหมดเลย มีแต่คนเซ็นสุดท้ายที่มีอำนาจในการระงับเหตุแห่งการทุจริตคอร์รัปชันครั้งนี้ไม่มีความผิด มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ในหลายกรณีที่มีลักษณะเช่นนี้ นักการเมืองระดับสูงไปจนถึงข้าราชการ ส่วนใหญ่แล้วนักการเมืองจะโดนก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่า คนที่เป็นผู้เซ็นมีอำนาจสูงสุดรอด วันนี้เราจะไปตามหาข้อเท็จจริงกันเพิ่มเติม ข้อตั้งข้อสงสัยว่าหากดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นรัฐมนตรี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีการเซ็นแล้วข้าราชการที่ทำหน้าที่ในการส่งเอกสารจะกลายเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่ นี่เป็นปัญหา ของอำนาจบริหาร ที่อยู่ในมือของผู้ที่เคยมีพฤติการณ์ ที่เคยถูกชี้มูล ซึ่งหลังจาก ป.ป.ช. ชี้มูล ได้มีคำสั่งให้ถอดถอน แต่ จ.อ.ยศสิงห์ได้มีการลาออกไปก่อน จึงไม่อาจถอดถอนได้ตามขั้นตอน” นายชุติพงศ์ กล่าว







