'โรม' กังขาศาล รธน.เบรก ปชช.เลือก ส.ส.ร. ไม่เคลียร์ปมประชามติ

'รังสิมันต์' กังขาศาล รธน.ตีความเบรกประชาชนเลือก ส.ส.ร. ไม่กระจ่างต้องทำประชามติกี่ครั้ง ลั่น MOA ไม่ตีเช็คเปล่าแน่ รอดู 'ภูมิใจไทย' บิดพลิ้วหรือไม่
KEY
POINTS
- นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค ปชน. ชี้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สร้างความชัดเจนในประเด็นจำนวนครั้งของการทำประชามติว่าจะต้องทำ 2 หรือ 3 ครั้ง
- ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ศาลฯ วินิจฉัยห้ามประชาชนเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรง เป็นเรื่องที่แปลกและอาจขัดต่อหลักการที่รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน
- แสดงความกังวลว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนไม่รู้สึกเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ต่อจำนวนการทำประชามติ 3 ครั้ง จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากขึ้นหรือไม่ ว่า ต้องยอมรับว่ายังไม่สร้างความชัดเจน เพราะยังเกิดการถกเถียงกันว่าจะต้องทำ 2 หรือ 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามการทำประชามติหลายครั้ง ก็ต้องใช้ภาษีประชาชนจำนวนมาก
ขณะเดียวกันการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ส.ส.ร. มาจากการเลือกโดยตรงของประชาชนไม่ได้ ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่แปลก และอาจขัดต่อธรรมชาติของรัฐธรรมนูญ เพราะโดยทั่วไปรัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน ยิ่งรัฐธรรมนูญมีส่วนเกี่ยวข้องกับประชาชนมากเท่าไหร่ก็จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนั้นมีความหมาย ซึ่งเราไม่อยากให้มีการฉีกทิ้งแบบที่ผ่านมา ดังนั้นการทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องสำคัญ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า ประชาชนจะรู้สึกว่าเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ทั้งนี้ ต้องไปดูเหตุผลของศาลในคำวินิจฉัยฉบับเต็ม รวมถึงจำนวนครั้งในการทำประชามติ คงจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าทุกฝ่ายยังมีภารกิจร่วมกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ในเรื่องของส.ส.ร. คิดว่าไม่น่าจะอยู่ในคำวินิจฉัยของศาล แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมศาลถึงมีคำวินิจฉัยแบบนี้
เมื่อถามว่าจะกระทบกับ MOA ที่พรรคประชาชนทำกับพรรคภูมิใจไทย จนเป็นการตีเช็คเปล่าหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นผลกระทบอะไร เพราะขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณละเมิดข้อตกลง หรือลักษณะที่จะไม่เกิดการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่ารีบสรุปว่าจะมีการละเมิด MOA เพราะยังมีเวลาดูว่าแต่ละฝ่ายมีความจริงจังมากน้อยแค่ไหน ส่วนจะทันภายใน 4 เดือนหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าเราจะทำประชามติกี่ครั้ง และกี่คำถาม แต่เบื้องต้นยังมองว่า 4 เดือนยังทัน
เมื่อถามว่า พรรคประชาชน แถลงว่า ประชาชนยังเลือก ส.ส.ร.ได้แต่ต้องใช้ทางอ้อม มองว่ามีวิธีการหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด แต่คงต้องดูหลังจากเห็นคำวินิจฉัยเต็ม ย้ำว่าการที่ประชาชนจะเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ ประชาชนต้องเป็นคนร่าง
เมื่อถามว่ามีการมองว่าพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยดีลกันเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำยาก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยว ไม่ใช่ผลโดยตรงในเรื่องนั้น เรารู้อยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อบรรดาองคาพยพคณะรัฐประหารปี 57 ยังมีอำนาจในรัฐบาลอยู่ก็ไม่ง่าย แต่เราพยายามสร้างความเป็นไปได้ทุกรูปแบบเท่าที่เป็นไปได้ ยืนยันว่า เราไม่ได้หวังอำนาจแต่อยากฝ่าวิกฤติออกไป เพราะ 2 ปีที่ผ่านมามันสูญเปล่า
ถามย้ำว่า ที่เป็นแบบนี้มองว่า เพราะเพื่อไทยเป็นยื่นดาบถามศาลรัฐธรรมนูญเองหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยอยากทำทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุด แต่เมื่อศาลตอบกลับมาแบบนี้ ก็ทำให้เกิดการถกเถียงมากขึ้น จึงยังหาข้อยุติไม่ได้ เราหวังว่าคำวินิจฉัยศาลจะสร้างความกระจ่างให้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ยังยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องไป ถามศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็เข้าใจความปรารถนาของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตีความคำวินิจฉัย ในเรื่องจำนวนการทำประชามติและที่มาของ ส.ส.ร.ไม่ตรงกับพรรคประชาชนจะทำอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่อยากเดารอดูอีกสักนิดก็จะได้ความชัดเจน ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยตั้งนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค มาศึกษาคำวินิจฉัยนั้น ตนขอคุยดูก่อน
ถามย้ำว่า หากพรรคภูมิใจไทยบิดเบี้ยวการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนพร้อมจะใช้เสียงล้มรัฐบาลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอให้รอดู อีกไม่นาน จะได้ทราบว่าบิดพลิ้วหรือไม่ แต่ก็หวังว่าทุกคนจะรักษาข้อตกลง







