'ปิยบุตร' ชี้เงื่อนไขศาล รธน.ขีดกรอบ ปิดทางทำ รธน.ใหม่แบบแท้จริง

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่เคยระบุว่า วางมือทางการเมืองไปแล้ว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีมีเสียงข้างมากให้ทำประชามติ 3 ครั้งก่อนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปิดทาง ส.ส.ร.จากการเลือกตั้ง ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ เสมือนเป็นการประกาศว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” คือ ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเสียเอง คำถามที่ต้องพิจารณาต่อไป ก็คือ แล้วสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 อยู่แล้ว จะส่งเรื่องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ เหมือน “ยื่นดาบ” ให้ทำไม 

แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญจะเพียรพยายามกำหนดกรอบหรือเงื่อนไขวิธีการทำรัฐธรรมนูญใหม่ไว้เพียงใด อย่างไรเสีย “ประชาชน” ก็เป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ตามธรรมชาติ อยู่ดี อยู่ที่ว่า ประชาชนจะรวมพลังสำแดงฤทธิ์เดช ระเบิดออกมาพร้อมกันว่า ตนเป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ เป็นผู้ทรงอำนาจในการกำหนดระบอบของสังคมการเมืองที่ประชาชนทั้งผอง มีชีวิต เลือดเนื่อ อาศัยอยู่ร่วมกันได้เมื่อไร และอย่างไร

นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า ในส่วนความพยายามจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐสภาชุดนี้กำลังทำกันอยู่นั้น ถูกบังคับให้เดินตามกรอบและเงื่อนไขจำนวนมาก ทั้งเงื่อนไขในบทบัญญัติหมวดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งเงื่อนไขที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้ ทั้งเงื่อนไขที่รัฐสภาอาจยอมจำกัดอำนาจตนเองด้วยความกังวลใจ ทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (หากเกิดขึ้นจริง) ย่อมไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยแท้ มันคงเป็นได้แค่เพียง รัฐธรรมนูญส่วนต่อขยายหรือส่วนแก้ไขภายใต้ “บ้าน” ของรัฐธรรมนูญ 2560 เท่านั้น 

"แล้วรัฐธรรมนูญใหม่ของแท้จะเกิดขึ้นเมื่อไร คำตอบอยู่ในสายลม" นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร คอมเมนต์ใต้โพสต์ตนเองด้วยว่า เคยสงสัยกันมั้ย ตอนเปลี่ยนผ่านจากรัฐธรรมนูญ 2534 ไป 2540 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2534 ตอนปี 2539 กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาทำรัฐธรรมนูญใหม่ (ซึ่งต่อมา คือ รัฐธรรมนูญ 2540) ตอนนั้น ทำกันได้สบาย ไม่มีปัญหาอะไร

ทำไมตอนนี้ จะเปลี่ยนผ่านจากรัฐธรรมนูญ 2560 ไปเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน พอดี สมัยปี 2539 ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ มากำหนดเงื่อนไขไว้เยอะแยะ และไม่มีสมาชิกรัฐสภาที่หมั่นจำกัดอำนาจตนเอง เอะอะ อะไร ๆ ก็ร้องถามศาลรัฐธรรมนูญ แบบปัจจุบัน

ภาพและข้อมูลจาก: Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล