'ปชน.' ชี้ 'พท.' ยื่นศาลรธน. ถอด 'เท้ง-หนู' เสียสุขภาพประชาธิปไตย

'ปชน.' ชี้ 'พท.' ยื่นศาลรธน. ถอด 'เท้ง-หนู' เสียสุขภาพประชาธิปไตย

"โฆษกปชน." ออกแถลงการณ์ ชี้ "สส.พท." ยื่นถอด "เท้ง-หนู" ปมMOA ทำลายสุขภาพประชาธิปไตย -ใช้นิติสงครามเล่นงาน ชวนให้ร่วมมือทำงานตรวจสอบรัฐบาลแทนห้ำหั่นการเมือง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่สส.พรรคเพื่อไทยร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ของณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดลง โดยอ้างว่าการทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างหัวหน้าพรรคทั้งสองนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายครอบงำและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ว่า เหตุผลที่ สส.พรรคเพื่อไทยใช้ในการยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการทำข้อตกลง (MOA) ของพรรคประชาชนเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองนั้น มีความย้อนแย้งและไม่ส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยต้องการยึดมั่น ทั้งนี้ข้อตกลงที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยอมรับทุกเงื่อนไข นอกจากนั้นที่บอกว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยขัดหลักการประชาธิปไตย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และหลายครั้งในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ขณะที่ประเด็นการยุบสภาภายใน 4 เดือนก่อนหมดวาระในเดือน พ.ค.2570 อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่พรรคเพื่อไทยกลับเป็นฝ่ายที่ยืนยันว่าพร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือน หรือ ยุบสภาทันที เมื่อครั้งพยายามโน้มน้าวให้พรรคประชาชนทำข้อตกลง MOA ร่วมกับเพื่อไทย  

"พรรคเพื่อไทยระบุว่าการทำข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคการเมืองอาจขัดรัฐธรรมนูญหรือเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง ทั้งที่ข้อตกลงนั้นล้วนถูกทำอย่างเปิดเผยและเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสาธารณะ หากพรรคเพื่อไทยเชื่อแบบที่ยื่นคำร้องจริง เท่ากับเป็นความพยายามสร้างบรรทัดฐานให้พรรคการเมืองหลีกเลี่ยงการทำสัญญาประชาคมต่อหน้าประชาชนเกี่ยวกับจุดยืนหรือนโยบายสาธารณะ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อแนวทางการทำการเมืองที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วม ที่ทุกฝ่ายน่าจะอยากเห็น"นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า พวกเราสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของพรรคเพื่อไทยต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน และยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ  แต่ต้องการให้รัฐบาลที่ภูมิใจไทยเป็นแกนนำไม่เบี้ยวต่อข้อตกลงเรื่องยุบสภาและการปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่กระทำการใดๆ อันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ การทำงานหนักร่วมกันของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ มากกว่าการหักหาญหรือทำลายล้างกันด้วยกลไกนิติสงคราม

โฆษกพรรคประชาชน กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนต่างมี สส. ของตนเองเพียงพอในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากต้องการจะ ล้มรัฐบาลได้ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจในกรณีที่มีการเบี้ยวสัญญาหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ความร่วมมือของสองพรรคมีส่วนสำคัญต่อการมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ การเมืองไทยควรมุ่งสู่การติดตามการรักษาสัญญา การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าในสภาฯ ให้เกิดผลแท้จริง แทนที่จะปล่อยให้การต่อสู้ทางการเมืองถูกลดทอนให้เหลือเพียงนิติสงครามเพื่อทำลายล้างกัน อันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว