'พท.' ขอ 'ฝ่ายค้าน' อย่ารับลูกบิดเบือน-โละMOU หวังล้มรัฐบาล

ที่พรรคเพื่อไทย  น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาแอบแฝงต่อกรณีที่การประชุมสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้พิจารณาญัตติด่วนเพื่อขอให้สภาฯพิจารณาศึกษาเอ็มโอยู 43 และ เอ็มโอยู 44 เนื่องจากมีการปิดประชุมก่อน ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้นคือเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนระหว่างประธานสภาและคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และวิปฝ่ายค้าน ทั้งนี้ในการเสนอญัตติดังกล่าวพรรคฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติให้ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อสภาได้อีกครั้ง

“จุดยืนของพรรคเพื่อไทย คือ การปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยืนอยู่บนถูกต้อง และข้อเท็จจริง ไม่ใช้ความหวาดกลัว ทั้งนี้เอ็มโอยู43 เป็นกรอบความร่วมมือเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดน เพื่อจัดทำเขตแดนทางบกกับประเทศกัมพูชา ไม่ใช่การกำหนดเขตแดนใหม่ แต่เป็นกลไกการจัดการปัญหาพิพาทอย่างเป็นระบบ ส่วนเอ็มโอยู 44 คือ กรอบการเจรจาปักปันเขตแดนทางทะเล การพัฒนาพื้นที่ที่อ้างสิทธิทับซ้อน โดยยืนยันหลักทวิภาคีกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นการเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยูทั้งสองฉบับอาจเป็นการกระทำที่ย้อนแย้งกับเจตนารมที่ประกาศถึงความรักชาติและหวงแหนดินแดนของชาติ” น.ส.ชญาภากล่าว

น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่าสำหรับการชุมนุมเรียกร้องของประชาชน ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ อย่างไรก็ดีการยกเลิกเอ็มโอยู โดยไม่ประเมินผลกระทบเชิงระบบให้รอบด้าน อาจสูญเสียกลไกการบังคับกับคู่กรณีให้เข้าสู่การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาเขตแดน ร่วมกันอย่างสันติ หากไม่มีผูกมัดอาจเปิดทางให้มีบุคคลที่สามเข้ามามีอำนาจชี้ขาดดินแดนระหว่างสองประเทศ และถูกละเมิดอธิปไตยครั้งใหญ่ ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านที่พยายามรับลูกข้อเสนอต้องช่วยให้ความจริงปรากฎและหยุดความลวงที่ต้องการล้มรัฐบาลที่มาถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย และไม่ควรบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เกิดความเกลียดชัง

“ดังนั้นคิดว่าพรรคการเมืองที่น้อมรับข้อเรียกร้องมีความมพยายามเต็มที่เพื่อล้มเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ โดยเฉพาะพรรคที่ประกาศตัวเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ควรขับเคลื่อนการเมืองบนเหตุผล จงตั้งมั่นในจุดยืน ใช้ความรู้ความสามารถบนความถูกต้อง ประคับประคองสถานการณ์ให้ถูกข้อเท็จจริงไม่ใช่เล่นการเมืองทุกทางเพื่อโค่นล้มรัฐบาล” น.ส.ชญาภา กล่าว