สถานะล่าสุด 4 ธุรกิจ ‘ชิดชอบ’ บนเขากระโดง โกย 435 ล้านกำไร 147 ล้าน

เริ่มรันระบบกระบวนการยุติธรรม “นับหนึ่ง” แล้ว สำหรับการเพิกถอนเอกสารสิทธิบริเวณ “เขากระโดง” จ.บุรีรัมย์ กว่า 5,083 ไร่ ตามปฏิบัติการทวงคืนเขากระโดงของ “มหาดไทย” ที่นำโดย “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย มท.1 และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” มท.3 ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน ซึ่งคิกออฟไปเมื่อ 2 ส.ค.68 ที่ผ่านมา

เบื้องต้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าว ตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ และศาลปกครอง เตรียมเปิด 2 ออปชันให้แก่บุคคลที่ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวอยู่ ได้แก่ 1.ทำข้อตกลงเจรจาเปิดให้เช่า 2.ถ้าไม่ยอมทำข้อตกลงเช่า อาจถูกขับไล่

อย่างไรก็ดีวันนี้ (5 ส.ค.68) กลุ่มชาวบ้านที่กล่าวอ้างว่ามีเอกสารสิทธิในพื้นที่ดังกล่าว และอ้างว่าได้มาอย่างถูกต้อง ได้นัดรวมตัวกันแถลงคัดค้านการกระทำของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว โดยจะร่วมกันแถลงข่าวที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต  จ.บุรีรัมย์ โดยมีรายงานแจ้งว่า “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่อีสานใต้ ส่งทนายความเข้าร่วมการแถลงครั้งนี้ด้วย

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ กว่า 5,083 ไร่ ดังกล่าว พบว่ามีที่ดินของ “ตระกูลชิดชอบ-เครือข่าย” ที่อยู่ในบริเวณเขากระโดงดังกล่าวนั้น ประมาณ 12 แปลง 288 ไร่ โดยในจำนวนนี้มีการถือครองในชื่อคน และนิติบุคคล รวมถึงปล่อยเช่าให้นิติบุคคล มีนิติบุคคลที่เข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ หรือเช่าที่ดินดังกล่าวต่อจากคน “ตระกูลชิดชอบ” มี 4 บริษัท

กรุงเทพธุรกิจ อัปเดตข้อมูลสถานะปัจจุบันมาให้ทราบ ดังนี้

1.บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ถือครอง 5 แปลง ในจำนวนนี้มี 1 แปลงเป็นที่ตั้งของบ้านพักอาศัย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” น้องชาย “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่ “ค่ายน้ำเงิน” บริษัทแห่งนี้ ทำธุรกิจ “โรงโม่หิน” ถือเป็นธุรกิจหลักของคนตระกูลชิดชอบ ดำเนินการมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุค “ชัย ชิดชอบ” อดีตนักการเมืองใหญ่ “เมืองเซาะกราว” อดีตประธานรัฐสภา อดีต สส.หลายสมัย ผู้เป็นบิดา

บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อ 29 พ.ค.2534 ทุนปัจจุบัน 15 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 30/2 หมู่ที่ 4 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ มี เอกราช ชิดชอบ และ ณัฐฐา เหมาะดี เป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย.2568 ไม่มีคนตระกูลชิดชอบเข้าไปถือหุ้นแล้ว โดยปรากฏชื่อ คุณาวุฒิ กิจบุรินทร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9967%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 (ไม่มีข้อมูลงบการเงินในปี 2565-2567) มีสินทรัพย์รวม 263,992,733 บาท หนี้สินรวม 25,0512,373 บาท รายได้รวม 146,651,176 บาท รายจ่ายรวม 145,877,550 บาท เสียภาษีเงินได้ 309,010 บาท กำไรสุทธิ 464,614 บาท

2.บริษัท เค.มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ถือครอง 2 แปลง จดทะเบียนเมื่อ 11 ม.ค.2556 ทุนปัจจุบัน 1 พันล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 444/5 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ทำธุรกิจจัดตั้งสนามสำหรับเล่นกีฬา จำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันกีฬา มีกรรมการ 2 คน เนวิน ชิดชอบ ชิดชนก ชิดชอบ (บุตรสาวเนวิน) 

ยังมีคนตระกูลชิดชอบ ถือหุ้นเป็นหลัก โดย โชติชนก ชิดชอบ บุตรชาย “เนวิน” ถือหุ้นใหญ่สุด 78% ชิดชนก ชิดชอบ ถือ 12% ชนน์ชนก ชิดชอบ ถือ 5% เนวิน ชิดชอบ ถือ 1% กรุณา ชิดชอบ ถือ 1% ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ถือ 2.5%

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2567 สินทรัพย์รวม 2,371,604,870 บาท หนี้สินรวม 503,992,047 บาท รายได้รวม 286,296,443 บาท รายจ่ายรวม 150,717,033 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 5,911,076 บาท เสียภาษีเงินได้ 12,906,490 บาท กำไรสุทธิ 116,761,843 บาท

3.บริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด เช่ามา 4 แปลง จดทะเบียนเมื่อ 23 เม.ย.2552 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 444 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เป็นที่ตั้งสนามฟุตบอลช้างอารีนา ทางเข้าสนามแข่งรถ และที่ตั้งตลาด มี ชิดชนก ชิดชอบ บุตรสาวเนวิน เป็นกรรมการคนเดียว มีตระกูลชิดชอบถือหุ้นทั้งหมดได้แก่ ชนน์ชนก ชิดชอบ ถือหุ้นใหญ่สุด 76% เนวิน ชิดชอบ ถือ 14% ชิดชนก ชิดชอบ ถือ 10%

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2567 สินทรัพย์รวม 251,027,741 บาท หนี้สินรวม 110,580,417 บาท รายได้รวม 72,344,774 บาท รายจ่ายรวม 47,545,377 บาท เสียภาษีเงินได้ 1,898,492 บาท กำไรสุทธิ 22,900,904 บาท

4.บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สปอร์ตโฮเต็ล จำกัด เช่าช่วงต่อจาก บริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด 1 แปลง จดทะเบียนเมื่อ 1 ต.ค.2555 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 444 หมู่ที่ 15 ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เป็นที่ตั้งโรงแรม มีกรรมการ 2 คน ชิดชนก ชิดชอบ และประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ มีบริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด ของตระกูลชิดชอบ ถือหุ้นใหญ่สุด 60% ชิดชนก ชิดชอบ ถือ 30% โชติชนก ชิดชอบ ถือ 7% ประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ ถือ 3%

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2567 สินทรัพย์รวม 72,819,742 บาท หนี้สินรวม 98,255,892 บาท รายได้รวม 76,591,906 บาท รายจ่ายรวม 68,067,064 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 503,794 บาท กำไรสุทธิ 8,021,046 บาท

เบ็ดเสร็จ 3 บริษัท (ไม่ได้นับบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด เนื่องจากมิได้แจ้งงบการเงินล่าสุด) มีรายได้ล่าสุดปี 2567 รวมกว่า 435,233,123 กำไรสุทธิ 147,683,793 บาท

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์