'พริษฐ์' ชี้รัฐบาลขาดความตรงไปตรงมาทำ 'สถานบันเทิงครบวงจร'

'พริษฐ์' ยิงหมัดตรงถามรัฐบาล ความตรงไปตรงมาในนโยบาย 'สถานบันเทิงครบวงจร' พ่วง 'กาสิโน' ตอกย้ำถึงช่องว่างในการวางแผน
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) แสดงความเห็นถึงกรณีนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมี "กาสิโน" เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ว่า มุมมองและตัวเลขจากภาคเอกชน ยิ่งทำให้เกิดคำถามถึงความตรงไปตรงมาของรัฐบาล ในการดำเนินนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) โดยตนได้รับเชิญไปร่วมวงเสวนาเพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) แม้มุมมองอาจแตกต่างจากผู้ร่วมเสวนาอีกหลายท่าน เนื่องจากงานดังกล่าวถูกจัดโดย Inside Asian Gaming (สื่อด้านอุตสาหกรรมเกมและคาสิโน) โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการกาสิโนต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนในวงเสวนา แตเห็นว่าจำเป็นต้องทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร อย่างตรงไปตรงมาในการสะท้อนข้อกังวลทตนและประชาชนจำนวนไม่น้อยมี ต่อนโยบายของรัฐบาลเรื่องกาสิโน
ยังคงยืนยันว่านโยบายและแนวทางของรัฐบาลมี 3 ปัญหาหลัก
1.ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ยังไม่ชัดเจน - รายงานการศึกษาที่รัฐบาลมักอ้างถึง ยังขาดความรอบคอบ-รอบด้าน ยังเป็นการคาดการณ์ด้วยสมมุติฐานที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังไม่ได้คำนึงถึงแนวโน้มใหม่ๆในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (เช่น ท่าทีของรัฐบาลจีนในการควบคุมนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปประเทศที่กาสิโนถูกกฎหมาย)
2. ผลกระทบทางสังคม ยังไม่มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมเพียงพอ - รัฐบาลยังขาดแนวทางที่ชัดเจนในการปรับปรุงกฎหมายระดับ พ.ร.บ. (ทั้งฉบับนี้และฉบับอื่น) เพื่อวางกลไกในการป้องกันผลกระทบจากกาสิโน เช่น การแก้ไขและป้องกันปัญหาการติดการพนัน อาชญากรรม การฟอกเงิน และการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ล้วนมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากมีกาสิโน
3. กระบวนการดำเนินนโยบาย ยังไม่สามารถสร้างไว้วางใจจากประชาชนได้ - การขับเคลื่อนนโยบายและการสื่อสารของรัฐบาลที่ผ่านมา ขาดความชัดเจนและความคงเส้นคงวา ซึ่งกระทบต่อความไว้วางใจของประชาชน (เช่น การไม่บรรจุนโยบายตอนเลือกตั้ง การกลับไปกลับมาเรื่องวัตุประสงค์และเงื่อนไขสำหรับผู้เล่นคนไทย การเร่งรีบ-แซงคิวกฎหมายอื่น)
ข้อมูลและมุมมองที่ได้รับฟังจากภาคเอกชน ยิ่งตอกย้ำถึงช่องว่างในการวางแผนและการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาของรัฐบาล
โดยประเด็นหนึ่งที่ข้อมูลจากภาคเอกชนทำให้ผมเห็นถึงความไม่ชัดเจนของรัฐบาล คือจุดยืนรัฐบาลเกี่ยวกับผู้เล่นคนไทยในกาสิโน ทั้งนี้ในช่วงหนึ่งของงาน ภาคเอกชนได้มานำเสนอโมเดลที่คาดการณ์ว่าหากเดินหน้า รัฐบาลจะได้รายได้จากภาษีกาสิโนสูงถึง 50,000+ ล้านบาท ซึ่งอยู่บนสมมุติฐานว่ากาสิโนจะมี “ผู้เล่นคนไทย” จำนวนมาก - พอเจาะลึกลงไป ผมค้นพบว่าการคาดการณ์ของเอกชนอยู่บนสมมุติฐานว่าจะมีคนไทยเข้าไปเล่นในกาสิโนรวมกันปีละ 21 ล้านครั้ง โดยคำนวณมาจากการคาดการณ์ว่า 50% ของคนไทยอายุเกิน 20 ปี ในจังหวัดที่ตั้งของกาสิโน จะเข้าไปเล่น 1-3 ครั้งต่อปี และผู้เล่นคนไทยจะคิดเป็น 80% ของผู้เล่นในกาสิโนทั้งหมด
นายพริษฐ์ ระบุว่า ตนได้ซักถามภาคเอกชนในประเด็นนี้ ว่านอกจากผมเห็นว่าสมมุติฐานหลายอย่างดูจะตั้งไว้สูงเกินจริงแล้ว แต่ผมเห็นว่าสมมุติฐานดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ ครม. ได้มีการอนุมัติร่างกฎหมาย ที่ระบุชัดเจนว่าคนไทยแทบทุกคน (ยกเว้นไม่ถึง 10,000 คน ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน) จะไม่สามารถเข้าไปเล่นในกาสิโนได้
ด้านเอกชนตอบชัดเจนว่า หากเงื่อนไขเรื่อง 50 ล้านยังคงอยู่ รูปแบบและขนาดของสถานบันเทิงครบวงจรที่ภาคเอกชนนำเสนอ (และคล้ายกับที่รัฐบาลมักนำมาโฆษณานั้น) จะไปต่อไม่ได้ในเชิงตัวเลขทางธุรกิจ โดยนักวิเคราะห์เอกชนพูดเพิ่มเติมว่า “พื้นที่ที่ประสบความสำเร็จเชิงเศรษฐกิจเรื่องสถาบันเทิงครบวงจร (ในขนาดและรูปแบบที่รัฐบาลนำเสนอ) มักจะมีฐานผู้เล่นที่เป็นประชากรในพื้นที่ ในระดับที่สูงพอสมควร”
ตรงนี้หมายความว่าจุดยืนของรัฐบาล มีความเป็นไปได้ 2 ทาง ซึ่งไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ก็ตอกย้ำว่ารัฐบาลขาดความตรงไปตรงมาในการดำเนินนโยบายนี้
ความเป็นไปได้ที่ 1 คือรัฐบาลมีเจตนาต้องการจะป้องกันไม่ให้คนไทยเข้าไปเล่นจริง และต้องการจะคงเงื่อนไข 50 ล้านบาทไว้ตามที่บรรจุในร่างของ ครม. แต่รัฐบาลกลับไม่สื่อสารอย่าง “ตรงไปตรงมา” กับประชาชน ว่าร่างกฎหมายของ ครม. ที่มีเงื่อนไขดังกล่าวนั้น จะทำให้ตัวเลขและภาพสวยหรูที่รัฐบาลวาดไว้ (เช่น การมีรายได้จากกาสิโนมาลงทุนในสถานที่จัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ผลกระทบที่สูงต่อรายได้ประเทศและการจ้างงาน) ไม่สามารถเป็นจริงได้ (หรือเป็นจริงได้ยากมาก) ในเชิงตัวเลข
ความเป็นไปได้ที่ 2 คือรัฐบาลลึกๆแล้วมีเจตนาต้องการจะเปิดให้คนไทยเข้าไปเล่นได้จำนวนมาก (ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลที่ถูกใช้คาดการณ์โดยภาคเอกชน) แต่รัฐบาลเลือกไม่สื่อสารอย่าง “ตรงไปตรงมา” กับประชาชนเกี่ยวกับเจตนาดังกล่าว โดยเลือกใส่เงื่อนไข 50 ล้านบาทเข้ามาในร่าง ครม. “พอเป็นพิธี” เพียงเพื่อต้องการลดกระแสค้านจากฝ่ายที่เห็นต่าง (และพรรคร่วมรัฐบาล?) ณ เวลานี้ เป็นการชั่วคราว โดยหวังจะไปมัดมือฝ่ายอื่น ในการตัดเงื่อนไขสำคัญดังกล่าวออกในชั้นกรรมาธิการของสภา
การที่ภาคเอกชนแสดงความสนใจในการลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ไม่เท่ากับและไม่เพียงพอต่อการบอกว่านโยบายของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จหรือมาถูกทาง
นายพริษฐ์ ระบุด้วยว่า รัฐบาลมักย้ำเสมอว่าผู้ประกอบการกาสิโนระดับโลก ให้ความสนใจกับการลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจนในไทยเป็นอย่างมาก แตเห็นว่าเป้าหมายของรัฐบาลต้องไม่ใช่การออกแบบนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุน “เท่านั้น” หรือ “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” (at all costs) แต่เป้าหมายของรัฐบาลควรเป็นการออกแบบนโยบายให้เกิดสมดุลที่เหมาะสม ระหว่างการดึงดูดการลงทุนที่เพียงพอให้เกิดการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ กับการสร้างกลไกและกติกาที่จะทำให้ประโยชน์จากการลงทุนตกถึงมือประชาชนคนไทย ไม่ใช่แค่บริษัทหรือกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม
ดังนั้น ในมุมหนึ่ง ผมเข้าใจว่าการมีผู้ประกอบการภาคเอกชนระดับโลกสนใจนำเงินมาลงทุนในโครงการสถานบันเทิงครบวงจร เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการทำให้นโยบายของรัฐบาลประสบความสำเร็จเชิงเศรษฐกิจตามเป้าหมายของรัฐบาล แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่ภาคเอกชนแสดงความสนใจที่จะลงทุนในโครงการดังกล่าวอย่างสูงเป็นพิเศษ ไม่ได้หมายความว่า หรือ “เพียงพอ” ต่อการจะสรุปว่า การลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสาธารณะเสมอไป หากความสนใจดังกล่าว มีส่วนมาจากการออกแบบนโยบายของรัฐ ที่เอนเอียงไปในทางจูงใจหรือเอื้อประโยชน์นักลงทุน-ผู้ประกอบการมากเกินไป โดยรักษาหรือรับประกันประโยชน์สำหรับประชาชนน้อยเกินไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลายองค์ประกอบของนโยบายที่ถูกกำหนดโดยรัฐ เป็นองค์ประกอบที่ผลประโยชน์ของผู้ประกอบการกับประชาชนอาจสวนทางกัน (เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ระยะเวลาใบอนุญาต อัตราภาษีที่จะจัดเก็บจากกาสิโน)
"ท้ายสุดนี้ ผมเข้าใจดีว่าหลายคนคงตั้งคำถามคล้ายกับผมเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายรัฐบาล แต่ในเมื่อรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาฯ ยังคงยืนยันคำเดิมว่าต้องการให้ร่างกฎหมายนี้เป็นคิวแรกของกฎหมายที่จะถูกพิจารณาในสภา เมื่อสภากลับมาเปิดสมัยประชุมต้น ก.ค. นี้ ผมในฐานะฝ่ายค้านก็จำเป็นต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการตรวจสอบ-ทักท้วง-เสนอแนะรัฐบาล หากผมเห็นว่ามีการดำเนินการส่วนไหนที่อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน" นายพริษฐ์ ระบุ
ภาพและข้อมูลจาก: พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu







