ทุนใหญ่ชี้ ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ โอกาสไทยดึงลงทุนครั้งประวัติศาสตร์

อดีตผู้บริหาร Marina Bay Sands ระบุโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โอกาสดึงลงทุนครั้งใหญ่ของไทย แนะรัฐเร่งสร้างความเข้าใจในสังคม วางกรอบการทำงานอย่างรัดกุม โปร่งใส และมีมาตรฐานสากล
การเดินหน้าโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทยกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคม ซึ่งปัจจุบันคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เสนอยกร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวรการรัฐสภาแล้ว และคาดว่าจะเริ่มมีการพิจารณาวาระแรกภายในเดือนก.ค.นี้
“กรุงเทพธุรกิจ“ นำเสนอมุมมองจากผู้เล่นในอุตสาหกรรมเกมมิ่งและธุรกิจ Integrated Reosrts (IRs) ที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงในการพัฒนาในสิงคโปร์ ภายในงานเสวนาโต๊ะกลม “Thai Entertainment Complex Roundtable” จัดโดย Inside Asian Gaming เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568 ณ ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ
“จอร์จ ธนาสวิช” อดีตประธานและ CEO, Marina Bay Sands และอดีตกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระดับโลก LAS VEGAS SANDS กล่าวว่า การพัฒนาโครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือรีสอร์ตครบวงจรในประเทศไทยเป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมหาศาล ซึ่งอาจะเป็นเม็ดเงินที่ใหญ่ที่สุดที่จะเข้ามาในประเทศเลยก็ว่าได้ อีกทั้งจะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และอุตสหากรรมการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม
โดยในฐานะผู้ประกอบการในอุตหสากรรมนี้ การสร้างโครงการขนาดใหญ่อย่าง Marina Bay Sands นั้นไม่สามารถเป็นไปได้เลยหากไม่มีองค์ประกอบของพื้นที่กาสิโน เนื่องจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากกาสิโนนั้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ ที่ทำให้สามารถลงทุนในองค์ประกอบส่วนอื่นๆ ซึ่งอาจไม่สามารถสร้างรายได้ที่คาดหวังได้
นอกจากนี้ ความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือคนไทยเองมีการเล่นการพนันอยู่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนรอบประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รวมทั้งการพนันแบบผิดกฎหมาย ดังนั้นการพัฒนาโครงการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรและการกำกับดูแลที่ถูกกฎหมายจะช่วยลดความสูญเสียของเศรษฐกิจที่ไหลออกนอกระบบกลับมาได้
กุญแจความสำเร็จสิงคโปร์
ธนาสวิช ระบุว่า ช่วงเริ่มต้นของโครงการ IRs ในสิงคโปร์มีทั้งคนที่เห็นด้วยและเห็นต่าง แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เองก็ปฏิเสธแนวคิดที่จะสร้างกาสิโนในประเทศ อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ทำให้แนวคิดดังกล่าวเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและนำไปสู่จุดเริ่มต้นของโครงการ โดยรัฐบาลสิงคโปร์มีการวางกรอบการทำงาน การกำกับดูแลที่โปร่งใสและครอบคลุม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการเพื่อสร้างกรอบการทำงานที่น่าพอใจร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือร่วมกันตั้งแต่แรกถึงการป้องกันและการอุดช่องโหว่ของปัญหาและความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันเพื่อแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสังคม
โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ดำเนินการเชิงรุกในการจัดการข้อกังวลต่างๆ โดยยึดหลักการเจรจาที่โปร่งใสและมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องต่อสาธารณะ ในการให้ความรู้แก่ประชาชน สร้างความเข้าใจว่าการลงทุน IRs คืออะไร ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ รวมทั้งวิธีการรจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
นอกจากนี้ ในขั้นตอนการเปิดประมูลของสิงคโปร์ยังมีการจัดการที่เหมาะสม เริ่มจากการจัดประชุมให้ข้อมูลและรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ ซึ่งนำไปสู่การร่างข้อเสนอให้การพิจารณาผู้ชนะแข่งกันที่คอนเซปต์ ไม่ใช่การประมูลราคาที่ดิน
อีกทั้งกระบวนการหลังจากได้ผู้ชนะประมูลแล้วยังสร้างการมีส่วนร่วมของรัฐบาลและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อในการทำงานร่วมกับคณะกรรมการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การลงทุน การก่อสร้างการอนุมัติ อนุญาติต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว และไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะเพื่อให้เม็ดเงินลงทุนลงไปในพื้นที่การพัฒนาโครงการอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
กลไกป้องกันที่รัดกุม
ธนาสวิช กล่าวว่า มาตรการป้องกันและการกำกับดูแลที่สำคัญของรัฐบาลสิงคโปร์ คือการจัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติป้องกันปัญหาการพนัน โดยผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการกำหนดกรอบที่เหมาะสม
“ประเด็นที่น่าสนใจคือ ผลงานวิจัยกลับชี้ให้เห็นว่า การนำคาสิโนที่ถูกกฎหมายเข้ามาในตลาด จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราการพนันที่มีปัญหา และในบางกรณีอาจลดลงด้วยซ้ำ"
แม้จะดูขัดกับความรู้สึกทั่วไป แต่เหตุผลคืออุตสาหกรรมคาสิโนถูกกฎหมายมีการกำกับดูแลและพัฒนามาตรการป้องกันทางสังคม มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความตระหนักรู้และให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาโดยตรง
กลไกสำคัญที่สิงคโปร์นำมาใช้คือการเก็บ "ค่าธรรมเนียมแรกเข้า" (Entry Levy) จากพลเมืองของตนเองเพื่อเป็นอุปสรรคป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีกำลังทรัพย์หรือแม้แต่ผู้มีกำลังทรัพย์เข้ามาบ่อยเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบตรวจสอบและจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าใช้บริการ หากพบว่าบุคคลใดมีความถี่ในการเข้าที่สุ่มเสี่ยง ก็จะมีการดำเนินการที่ปรับให้เหมาะกับบุคคลนั้นๆ ต่อไป
5 ข้อเสนอแนะสู่ความสำเร็จไทย
ธนาสวิช กล่าวว่า ข้อเสนอแนะที่สำคัญสำหรับไทยที่จะเดินหน้าโครงการสถานบันเทิงครบวงจร คือ 1.การศึกษาจากประสบการณ์ตรงของประเทศอื่นๆ ควรมีการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อทำความเข้าใจหลักการสากลและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของไทย
2.สร้างกรอบกฎหมายที่แข่งขันได้ โดยอิงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล แต่ปรับให้เข้ากับเงื่อนไขของท้องถิ่น เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม และเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน (Win-Win)
3.ต้องการผู้นำทางการเมืองที่เด็ดขาด และรัฐบาลต้องแสดงบทบาทอย่างแข็งขันในการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโครงการฯ ทั้งความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนที่ความคิดเห็นของประชาชนจะเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง
4.ดึงดูดนักลงทุนที่ดีที่สุด เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จสูงสุด ประเทศไทยต้องดึงดูดนักลงทุน ผู้พัฒนา และผู้ประกอบการที่ดีที่สุด ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้ต้องการความแน่นอนและความชัดเจนในรายละเอียดของกฎระเบียบ
5.สร้างสมดุลที่เหมาะสม ระหว่างผลประโยชน์ของรัฐบาลและประชาชนกับผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการ หากขาดสมดุลนี้ แม้แต่บริษัทที่ดีที่สุดก็อาจตัดสินใจถอนตัว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพลาดโอกาสสำคัญไป
”โอกาสในการพัฒนาโครงการสถานบันเทิงครบวงจรเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง และหวังว่าประเทศไทยจะมีการหารืออย่างลึกซึ้งกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและรอบคอบ เพราะอนาคตของประเทศไทยนั้นมีศักยภาพสูงมาก“







