เราเชื่ออะไรรัฐบาลได้บ้าง? ครม.ง่อยเปลี้ย-ดีลลับ | Now and Beyond

พร้อมจะเดินไปด้วยกันทั้งยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร

ผลการเลือกตั้งในแคนาดา ออสเตรเลียและสิงคโปร์ เมื่อปลาย เม.ย.ต่อเนื่องถึงพ.ค.ที่ผ่านมา มีความเหมือนกันคือ พรรคที่ประกาศว่าพร้อมจะยืนปะหมัดกับสหรัฐแบบตาต่อตาฟันต่อฟันในปัญหาภาษีและอื่นๆ โดยไม่เกรงใจนั้นได้รับฉันทามติจากประชาชนอย่างท่วมท้น 

ปรากฏการณ์เช่นนี้บอกชัดว่า ประชาชนเชื่อในผู้นำที่กล้าหาญ ชัดเจน สื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา บอกทั้งข่าวดีและร้ายกับประชาชน พร้อมแก้ปัญหาอย่างมีแผนการที่ชัดเจนที่จะพาชาติพ้นวิกฤติ และที่สำคัญคือแสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ที่จะทำงานเพื่อประชาชน จึงได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจ

แต่วันนี้ความเชื่อมั่นที่คนไทยมีต่อรัฐบาลมีขนาดไหนย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัด ประชาชนไม่รู้ข้อมูลและไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะนำพาประเทศชาติออกจากมหาวิกฤตินี้ได้อย่างไร เพราะรัฐบาลไม่เคยมีเจตจำนงและความมุ่งมั่นที่ชัดเจนไม่ว่าในเรื่องใด

ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลมีแผนอย่างเป็นระบบที่จะเจรจากับสหรัฐ ก่อนหน้านี้ผู้นำรัฐบาลบอกว่านัดสหรัฐวันที่ 23 เม.ย.แล้วก็เลื่อนจนวันนี้ยังไม่รู้จะได้คิวเมื่อไร จะไปเจรจากับใคร เอาเงื่อนไขอะไรไปนำเสนอ

ท่ามกลางความไม่รู้และไม่เชื่อ ผู้นำรัฐบาลกลับบอกในเวลาต่อมาว่ามี “ดีลลับ” กับสหรัฐแล้ว ซึ่งก็โดนวิจารณ์แบบขบขันว่าพูดจาแบบไร้วุฒิภาวะอีกเช่นเคย

จนวันนี้ยังไม่รู้ว่าเราจะได้เจรจากับสหรัฐเมื่อไรในขณะที่ใกล้เส้นตาย 90 วันเข้าไปทุกขณะ นายกฯไทยพูดทีไรก็ไร้ความกระจ่างแถมพูดไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก

ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะจัดการกับปัญหาทุจริตได้ รัฐบาลนี้ไม่เคยมีเจตจำนงที่แน่วแน่ในเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชัน ที่วันนี้เป็นปัญหาไปทุกหย่อมหญ้า นายกฯ ไม่เคยขึงขังจริงจังกับเรื่องนี้ สว.ฮั้วกันโครมครามที่ กกต.ได้แต่ทำตาปริบๆ ตึก สตง.ถล่มลงมาก็เพราะเรื่องนี้

ทั้งที่เป็นหน่วยงานคอยตรวจสอบหน่วยงานอื่น วินมอเตอร์ไซค์ขับย้อนศรเต็มบ้านเต็มเมือง ทำได้เพราะจ่ายส่วยให้ตำรวจเป็นรายเดือน ชาวบ้านเห็นว่าทำได้ก็เอาบ้าง การจราจรจึงยุ่งเหยิงไปหมด

รถแท็กซี่รถสามล้อโก่งราคานักท่องเที่ยว พาไปต้มยำทำแกง จนเขาเข็ดขยาด ไปประจานบ้านเมืองเราทั่วโลก 

นี่เป็นเหตุหนึ่งที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดวูบ เป็นอย่างนี้มาชั่วนาตาปี ไม่มีใครจัดการได้เพราะส่งส่วยกันเป็นทอดๆ ถ้านายกฯ เดือดร้อนกับเรื่องเหล่านี้ก็ควรจะทำอะไรให้ชัดเจนกว่านี้

ประชาชนไม่เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีมีความสามารถ ไม่เพียงนายกฯ ที่ไม่เก่ง ทีมเศรษฐกิจก็เต็มไปด้วยคนที่ดูง่อยเปลี้ย รัฐมนตรีกระทรวงการคลังขาดประสบการณ์การเจรจาต่างประเทศ ออกมาพูดกี่ทีก็ได้แต่เจื้อยแจ้วจับความอะไรไม่ได้ไม่เป็นแก่นสารแบบคนขาดความมั่นใจ 

ข้างรัฐมนตรีพาณิชย์ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ยิ่งพูดยิ่งโชว์ความไม่รู้เรื่อง ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศหายหน้าไปนานแล้ว ต่อให้ปรับคณะรัฐมนตรีอีกกี่รอบก็ไม่ดีขึ้นเพราะคุณภาพนักการเมืองเป็นอย่างไรย่อมรู้กันอยู่ คนดีๆ มีความสามารถเขาไม่อยากเข้ามาเกลือกกลั้ว

ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ด้วยงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาทซึ่งเอามาจากการยกเลิกดิจิทัลวอลเล็ตรอบใหม่ แต่การให้หน่วยงานต่างๆ ส่งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาภายใน 3 วัน ย่อมได้แต่โครงการแบบเบี้ยหัวแตกและจะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรได้ทั้งนั้น ในเวลาเดียวกันจะนำไปสู่การทุจริตกันอย่างมโหฬาร 

รัฐบาลไม่เคยมีแผนจะช่วยเหลือคนตกงานจำนวนมากที่จะตามมาแน่นอนจากการปิดกิจการของผู้ส่งออก จะช่วยอัปเกรดความรู้ความสามารถของคนเหล่านี้ให้เขาหางานใหม่ได้อย่างไร จะอัปสกิลให้คนที่ทำงานอยู่แล้วให้มีทักษะที่จะรองรับเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการว่างงานในอนาคตอย่างไร จะช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างไร สิ่งเหล่านี้ประชาชนคนไทยยังไม่เคยได้ยินจากรัฐบาล

ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลทำงานอย่างโปร่งใส นายกฯ บอกว่าไปอังกฤษเพื่อโปรโมทซอฟต์พาวเวอร์ แต่ทำลับๆล่อๆ เหมือนไปเที่ยว การไปเดินร้านขายของชำและไปดูยิมออกกำลังกายซึ่งไม่ใช่ค่ายมวย สร้างประโยชน์อะไรขึ้นบ้าง

งบประมาณเดินทางและการขนข้าราชการมากมายไปรับรองเป็นงบของใคร จุดประสงค์แท้จริงคืออะไรแน่ถึงต้องไปในขณะที่บ้านเมืองกำลังคับขันขนาดนี้ ความไม่โปร่งใสยังลามไปถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อของตัวเองและการเจรจากับเขมร

ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลฟังเสียงประชาชน มิใยที่ประชาชนจำนวนมากจะออกมาต่อต้านการสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่แฝงกาสิโนมาด้วย จนถึงวันนี้นายกฯ ก็ยังดันทุรังที่จะสร้างให้ได้ อ้างว่ามีระเบียบกติกาป้องกันการฟอกเงินและการกระทำผิดร้อยแปดไม่ใช่ใครก็เข้าไปเล่นพนันได้

แต่ประชาชนเขาไม่เชื่อ เพราะไม่มีเรื่องอะไรสักเรื่องที่ประเทศนี้บังคับใช้กฎหมายได้เนื่องจากคอร์รัปชันหยั่งรากลึกไปทุกเรื่อง ก็ลองประกาศว่าจะสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยไม่มีกาสิโนสิ คนเขาคงไม่ว่าอะไร

เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ที่หลายฝ่ายทักท้วงว่าจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำนั้น นายกฯ ก็ไม่ฟังทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เข้าใจเรื่องซอฟต์พาวเวอร์

โครงการหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) ในที่สุดก็จะล้มเหลว การสร้างศิลปิน สร้างเชฟทำอาหาร ไม่ใช่สร้างกันได้ข้ามคืน แบบที่กำลังเดินสายไปอบรมตามภูมิภาคต่างๆ เกณฑ์คนมาเข้าอบรม 5-6 วันแล้วจบกันไป จะได้อย่างเดียวคือได้ผลาญงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า

ดิจิทัลวอลเล็ตนั่นก็อีกเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่า ไม่สร้างพายุหมุนอะไรอย่างที่คุยโม้ไว้ ก็ยังดันทุรังทำท่ามกลางการคัดค้านของคนจำนวนมาก

รัฐบาลที่ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน ทั้งตัวผู้นำ ทีม และวิธีการทำงาน จะพาประเทศชาติสู่ความอับจน แต่ก่อนจะถึงวันนั้นโปรดทราบว่าประชาชนคนไทยมีความอดทนจำกัด.