เตือน ‘กินรวบ-คอร์รัปชัน’ เสี่ยงพา ‘ไทย’ สู่กับดัก ‘รัฐล้มเหลว’

เตือน ‘กินรวบ-คอร์รัปชัน’ เสี่ยงพา ‘ไทย’ สู่กับดัก ‘รัฐล้มเหลว’

ถอดบทเรียน “Why Nations Fail“ เสียงสะท้อนว่า “ไทยยังไม่ล้มเหลว” แต่กำลังเสี่ยงสูงปล่อยให้ถูก “กินรวบ” เกิดปัญหาคอร์รัปชัน อาจหนีไม่พ้นการกลายเป็น “รัฐกบต้ม”

เตือน ‘กินรวบ-คอร์รัปชัน’ เสี่ยงพา ‘ไทย’ สู่กับดัก ‘รัฐล้มเหลว’ "กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม” จัดเสวนา Why Nations Fail “บทเรียนที่ประเทศไทย ต้องไม่ล้มเหลว”  ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา 

โดยมีวิทยากรสำคัญ ได้แก่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กรณ์ จาติกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

หลากหลายประเด็นที่ถูกขึ้นพูดในเวที เกี่ยวกับ Failed State ว่าไทยกำลังเข้าสู่ “รัฐที่ล้มเหลว” หรือไม่ ที่น่าสนใจหลายวิทยากรมองว่า วันนี้ประเทศไทย ยังไม่เป็น “รัฐล้มเหลว” หรือรัฐที่สอบตก แต่เรากำลังเป็นรัฐ “กบต้ม” 

สะท้อนปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ ปัญหาจากการยกระดับชีวิตของคนส่วนใหญ่ ปัญหาจากการปล่อยให้เกิดการ “กินรวบ” มากขึ้น ปราศจากกลไกถ่วงดุล ไร้พลังจากระบบราชการ ปัญหาเหล่านี้หากปล่อยไว้ ไม่รีบแก้ไข เพิกเฉยไม่เร่งแก้ “ประเทศไทย” ก็คงไม่สามารถเลี่ยงในการเดินไปสู่ “รัฐล้มเหลว” ได้ในอนาคต

วิรไท สันติประภพ” เริ่มต้นตีโจทย์และให้คะแนนประเทศไทย ว่าปัจจุบัน “ประเทศไทยกำลังกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวหรือไม่? โดยเขาให้คะแนน 5 เต็ม 10 โดยมองว่าที่ไม่ให้คะแนนต่ำกว่า 5 เนื่องจากมองว่าประเทศไทยยังมีต้นทุน มีศักยภาพหลายด้านที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง

แต่การให้ 5 คะแนนก็ไม่ได้หมายความว่า ประเทศไทยหนีพ้นจากจุดที่ “น่ากังวล” เพราะสิ่งที่ประเทศไทยเผชิญวันนี้ แม้ “รัฐจะยังไม่ใช่รัฐล้มเหลว” หรือรัฐที่สอบตก แต่เรากำลังกลายเป็นรัฐ “กบต้ม”

สะท้อนถึงสภาพปัญหาของรัฐที่ล้มเหลวในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ ปัญหาจากโครงสร้างสถาบันต่างๆ ถูก “กินรวบ” มากขึ้น โดยปราศจากกลไกถ่วงดุล และไร้พลังจากระบบราชการ ปัญหาจากการอ่อนแอลงของหลักนิติรัฐ และ คอร์รัปชันเชิงโครงสร้างที่แทรกซึมทุกระดับ ไม่ใช่แค่การทุจริตในเชิงงบประมาณ แต่ลามไปถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในชีวิตประจำวันที่เหล่านี้ไม่ควรปล่อยให้เป็น “มาตรฐานใหม่”

สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่การโกงครั้งใหญ่ แต่คือเมื่อเรายอมรับความผิดปกติเล็กๆ ซ้ำๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา”

ซ้ำปัญหาของระบบรัฐไทยในปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว หากแต่อยู่ที่ระบบราชการ ซึ่งกลายเป็นกลไกที่ ประคองความนิ่งเฉย เอาไว้แทนที่จะเป็นกลไกผลักดันการเปลี่ยนแปลงจนห่วงว่า ระบบราชการกลายเป็นตัวเสริมดุลยภาพที่ถ่วงลงเรื่อยๆ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ

หลายสิ่งมองว่า ต้องเริ่มต้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่การสร้างตระหนักรู้ร่วมกัน และการปฏิรูประบบราชการอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ปรับวิธีทำงาน แต่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างความรับผิดชอบ เปลี่ยนวิธีมองความเสี่ยง และเปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์

หาก “เพิกเฉย” หรือปล่อยไว้ ประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้นเป็น “รัฐกบต้ม” ที่ค่อยๆ ถูกต้มในน้ำที่ค่อยๆ ร้อน จนน้ำเดือดหากจะกระโดดออกจากหม้อก็คงกระโดดไม่ได้แล้ว

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย” กล่าวว่า วันนี้ ประเทศไทย ยังไม่ใช่ “รัฐที่ล้มเหลว”แต่ยังไปไม่สุด! เขาฉายภาพให้เห็นวันนี้ยังมีความสับสนในสังคมที่พยายามโยงไปใช้คำว่า “รัฐล้มเหลว” หรือ failed state ที่มีความหมายเฉพาะทางรัฐศาสตร์ว่า รัฐที่ล้มเหลวในการทำหน้าที่พื้นฐานของรัฐ

เช่น ควบคุมอำนาจไม่ได้ ให้บริการประชาชนไม่ได้ ระบบยุติธรรมล่มสลาย ความชอบธรรมของรัฐหายไป ประชาชนไม่เชื่อมั่น ไม่ยอมรับอำนาจรัฐ บ่อยครั้งจบลงด้วยความรุนแรง วิกฤติ หรือรัฐล้มละลาย ซึ่ง “ผมไม่เห็นด้วย” และเชื่อว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานะนั้น และหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้พูดถึงความล้มเหลวในมิตินั้น

แต่กำลังพูดถึง “ประเทศที่ไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพของประเทศอย่างทั่วถึงและยั่งยืน” และทำให้เราพลาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

หลายประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งระบบ หลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เท่าเทียม คนบางกลุ่ม “ผิดแล้วไม่รับผิด” หรือ “กฎหมายเลือกปฏิบัติ” เป็นเรื่องปกติ, คอร์รัปชัน ไม่เพียงแต่ยังมีอยู่ แต่เริ่มกลายเป็นเรื่อง “ยอมรับได้” โดยเฉพาะในบางแวดวงที่ “ความสามารถในการซื้อ”กลายเป็นความได้เปรียบ, การผูกขาดทางเศรษฐกิจ จากราคาน้ำมัน ไปถึงค่าโทรศัพท์ มีเพียงไม่กี่กลุ่มทุนที่ควบคุม และรัฐเองกลับไม่สามารถทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมได้, ประชาธิปไตย และความโปร่งใส เมื่อเสียงของประชาชนไม่ได้สะท้อนการตัดสินใจนโยบายสำคัญ ความเชื่อมั่นในระบบการเมืองก็ลดลง

พิพัฒน์” ชี้ให้เห็นว่าปัญหาจากรัฐที่ไม่สามารถบริหารได้ทั่วถึง ไม่ใช่แค่เกิดกับไทย แต่หลายประเทศกำลังเผชิญ แต่ไทยกำลังอยู่ในจุดที่น่าวิตกมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจตกอยู่เพียง 1.5% ในระยะกลาง และศรัทธาต่อรัฐในหมู่ประชาชนลดลงต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครอยากให้เศรษฐกิจเติบโตเพียง 1.5% แต่หากไม่ซ่อมสถาบัน ก็ไม่มีใครจะพาประเทศให้ก้าวหน้าได้!!