ร้อง กกต.สอบ 'ทักษิณ' ปราศรัยหาเสียงภาคอีสาน อ้างสถาบันฯ-สัญญาจะให้ 20 ล้าน

ร้อง กกต.สอบ 'ทักษิณ' ปราศรัยหาเสียงภาคอีสาน อ้างสถาบันฯ-สัญญาจะให้ 20 ล้าน

'สนธิญา' บุกร้อง กกต.สอบปม 'ทักษิณ' ปราศรัยช่วยหาเสียงภาคอีสาน อ้างสถาบันฯ-สัญญาจะให้ 20 ล้านบาท ส่งเด็กไทยโกอินเตอร์ ส่อขัดกฎหมาย ลั่นข้อมูลแน่น ถ้าเอาผิดไม่ได้ ควรฉีกทิ้ง-ยุบองค์กรเสีย แถมร้องสอบ 'นายก อบจ.นครศรีฯ' ไขก๊อกก่อนหมดวาระ ทำสูญงบกว่า 140 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2567 ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยเกี่ยวกับการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง และการจัดการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2 กรณี

กรณีแรกเป็นการลาออกก่อนครบวาราะของนายก อบจ.นครศรีธรรมราช และกรณีที่สองเป็นการปราศรัยช่วยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และการสัญญาว่าจะให้เงิน 20 ล้านบาท ต่อ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ใช้สำหรับการนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก 

นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องแรกการลาออกก่อนครบวาระซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่ที่ตนมายื่นวันนี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกอบจ.ลาออก ทำให้มีการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ใช้งบประมาณครั้งละประมาณ 70 ล้านบาท รวมเป็น 140 ล้านบาท ทำให้งบฯ หมด ทำให้โครงการที่อบจ.เคยสนับสนุนหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรพ.สมเด็จยุพราชฉวาง รพ.ร่อนพิบูลย์ หรืออื่นๆ ก็ไม่ได้รับงบประมาณ ตนจึงขอให้กกต.โปรดพิจารณาวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนายกอบจ.ที่ลาออกก่อนครบวาระ เนื่องจากทำให้เกิดปัญหา เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานราชการ และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า เรื่องที่สองคือกรณีนายทักษิณ ไปปราศรัยหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.หลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตนได้จับใจความการปราศรัยมาหลายครั้ง พบหลายประเด็น

ประเด็นแรกนายทักษิณ มีการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในการหาเสียงซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 6/2543 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2543 หยิบยกพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 มาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองหนึ่ง โดยระบุว่า พระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมือง นอกจากนี้ยังขัดกับระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อที่ 22 ห้ามนำสถาบันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองทุกประเด็น 

ประเด็นที่สอง กรณีนายทักษิณ พูดอย่างชัดเจนที่อบจ.นครพนม เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2568 ว่าจะให้เงิน 20 ล้านบาท แก่นพ.สุรพงษ์ เพื่อจะนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก ซึ่งตรงนี้ชัดเจนมาก เพราะพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 65 (1) (2) ห้ามสัญญาว่าจะให้ หรืออะไรก็ตามที่คิดหรือคำนวณได้ว่าเป็นเงินไปหาเสียงเลือกตั้ง นี่เป็นประเด็นที่ชัดเจน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นฯ 

ร้อง กกต.สอบ \'ทักษิณ\' ปราศรัยหาเสียงภาคอีสาน อ้างสถาบันฯ-สัญญาจะให้ 20 ล้าน

เมื่อถามว่า กรณีการปราศรัยของนายทักษิณวินิจฉัยแล้วจะนำไปสู่อะไร นายสนธิญา กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของนายก อบจ. ซึ่งนายก อบจ.สมัครในนามของพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจะพันกันหมด เมื่อนายทักษิณเป็นผู้ช่วยหาเสียง สจ.ต้องรับผิดชอบ พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบ เป็นไปตามระเบียบกกต. เมื่อการกระทำใดก็ตามขัดต่อระเบียบ กกต. ขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่นฯ ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเด็นสัญญาว่าจะให้ 20 ล้านบาท นั้นชัดเจน ฉะนั้นจึงไม่มีทางใดหลีกเลี่ยงไปได้เลย ทั้งนี้คำว่า ต้องรับผิดชอบก็ต้องเป็นไปตามที่กกต.จะพิจารณาวินิจฉัย เช่น กรณีการสัญญาว่าจะให้อาจจะต้องดำเนินการไปถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ. และพรรคเพื่อไทย  

“ครั้งนี้ชัดเจนมาก หากยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลยก็ต้องฉีก 1.ระเบียบ กกต. 2.ฉีก พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่นฯทิ้ง เพราะมันชัดเจน และไม่ต้องตีความอะไรแล้ว หรือถ้ายังไม่สำเร็จ อาจจะต้องยุบ กกต.ทิ้งด้วย” นายสนธิญา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีนายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระ กกต.เคยชี้แจงส่าเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ขัดกฎหมาย ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหา และป้องกันปัญหาในอนาคต จะเรียกร้องอย่างไร นายสนธิญา กล่าวว่า เรียกร้องมาหลายครั้งว่า การที่นายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระนั้นเป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาเราไม่เห็นความเสียหาย แต่วันนี้ที่นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ลาออกก่อนครบวาระแล้วเกิดความเสียหาย เพราะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ใช้งบฯ กว่า 140 ล้านบาท ทำให้งบประมาณที่มีการคุยกันไว้กับหน่วยงานต่าง ๆ หน่วยงานเหล่านั้นก็ได้ไปวางแผนการทำงานของตัวเองแล้ว แต่เมื่อเอาเงินนั้นมาเลือกตั้งหมด หน่วยงานรัฐที่ตั้งแผนงานไว้แล้วก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการอำนวยความสะดวก กกต.จึงต้องแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยว่า ครั้งหลังจะทำอย่างไร หรือกรณีของนายก อบจ.นครศรีธรรมราชที่ลาออกก่อนนั้นขัดต่อคุณธรรม ผิดจริยธรรมหรือไม่ ต้องแก้กฎหมายหรืออะไรก็ตาม กกต.ต้องเห็น กับปัญหาปัจจุบันที่เกิดขึ้นแล้วใครจะรับผิดชอบ เลือกตั้ง 2 ครั้งเสียงบฯ โดยใช่เหตุ