'ก้าวไกล' เล็งแก้รธน.2มาตรา หวังปลดล็อกธรรมนูญศาลทหาร-เร่งคดีปชช.

ที่วัดปทุมวนาราม นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการครบรอบเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ว่า เหตุการณ์ในช่วงดังกล่าวมีโจทย์ที่สังคมแก้ไม่ตก คือ

1.เหตุการณ์พฤษภาคม 53 และโศกนาฎกรรมอีกหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มีการออกใบอนุญาตฆ่าประชาชนด้วยการกล่าวหาว่าประชาชนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องเลิกทำเรื่องดังกล่าว ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งในสังคมจะไม่จบสิ้น  

2.กระบวนการยุติธรรม ที่ไม่มีคดีที่ประชาชนฟ้องร้องรัฐเข้าสู่กระบวนการทางศาล  

"เมื่อมีรัฐบาลใหม่ ผมหวังว่าจะมีความคืบหน้า แต่คดีอาญายังมีปมปัญหา เพราะญาติผู้เสียชีวิต เคยมีการฟ้องตรงไปบ้างแล้ว ก็ปรากฏว่าศาลยุติธรรมแจ้งว่าต้องไปฟ้องที่ศาลทหาร ทั้งนี้มี 2 รายที่ฟ้องที่ศาลทหาร แต่อัยการทหารยกฟ้อง ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตไม่มีความไว้วางใจเชื่อมั่นในศาลทหาร ดังนั้น จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ธรรมนูญศาลทหาร เพื่อให้ในกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ซึ่งไม่ใช่กรณีที่ปฏิบัติหน้าที่ในยามสงคราม ต้องถูกพิจารณาในศาลยุติธรรมเสมอเหมือนกับประชาชนทั่วไป” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า การผลักดันให้แก้ไขธรรมนูญศาลทหาร แต่พบว่าติดเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากต้องการแก้ธรรมนูญศาลทหารเพื่อสร้างความเป็นธรรม จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตราด้วย 

ทางด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาฯ กล่าวถึงถึงการตั้งอนุกรรมาธิการ เพื่อศึกษาการแก้ไขธรรมนูญศาลทหาร ว่า พบข้อติดขัดที่รัฐธรรมนูญ 2 มาตรา คือ  มาตรา 193 ว่าด้วยการบริหารจัดการและงบประมาณของศาลยุติธรรม และ มาตรา 199 ว่าด้วยบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมโดยศาลทหารเท่านั้น 

"สมัยประชุมหน้า เราจะผลักดันการแก้ธรรมนูญศาลทหาร และฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรคว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เป็นการแก้ไข 2 มาตรา เพื่อความยุติธรรมของประชาชน อย่าตีประเด็นเป็นเรื่องการเมือง” นายวิโรจน์กล่าว