ปธ.กกต.ตอบปม 'คณะก้าวหน้า' ชิง สว.ได้หรือไม่ เตือนพรรคหนุนหลังผิดกฎหมาย

ปธ.กกต.ตอบปม 'คณะก้าวหน้า' ชิง สว.ได้หรือไม่ เตือนพรรคหนุนหลังผิดกฎหมาย

ประธาน กกต.ตอบปม 'คณะก้าวหน้า' ส่งคนชิงเลือกตั้ง สว.ได้หรือไม่ ชี้โยงกันไม่ได้ ขอให้ยึดมั่นเปิดให้ ปชช.มาสมัคร เตือนพรรคการเมืองหนุนหลัง เสี่ยงผิดกฎหมาย เผยคนแห่สมัครกว่า 1 แสนคนแค่ประมาณการ 

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 ที่ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. สำนักงาน กกต.จัดประชุมให้ความรู้แก่สื่อมวลชนในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) "สาระรอบรู้เรื่อง สว. ปี 67"

โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงการประมาณตัวเลขผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น ส.ว. 1 แสนคน ว่า เป็นตัวเลขประมาณการในเบื้องต้นของ กกต. ว่าในการเลือก สว. ในครั้งนี้ จะมีผู้สมัครไม่น้อยกว่านี้ แต่หากมีตัวเลขมากกว่านี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะประชาชนที่สนใจสามารถสมัครได้และถึงเวลาก็ไปเลือกกันเองกับกลุ่มอาชีพต่างๆ ยิ่งหากมีจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งไปยัง กกต.จังหวัด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าหากประชาชนสนใจจะลงสมัคร สามารถสอบถามขั้นตอนและข้อมูลได้ที่ กกต. จังหวัด ถือเป็นความพยายามประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนที่สนใจ

ส่วนกรณีที่สถาบันการสร้างชาติให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. นั้น ประธาน กกต. กล่าวว่า ไม่ได้มีกฎหมายห้าม ดังนั้นหากเป็นการจัดการอบรม เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ น่าจะเป็นส่วนที่ดี เพราะจะช่วยส่งเสริมเผยแพร่ความสำคัญของการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว.

เมื่อถามว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นการสร้างเครือข่ายเพื่อบล็อกโหวต หรือล็อบบี้กันหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตอนนี้ยังคงพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเป็นการประกาศประกาศมาว่าจะมีการอบรม ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีการอบรมไปแล้วหรือไม่ และมีการประกาศจัดในที่สาธารณะ จึงคิดว่าน่ามองตามข้อเท็จจริงไปก่อน

สำหรับกรณีที่เริ่มมีการเปิดตัวจากผู้มีชื่อเสียงว่าจะลงสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว. และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตัวเองแล้ว สามารถทำได้หรือไม่นั้น นายอิทธิพล กล่าวว่า ก็ทำได้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่แสดงความสนใจ ก็บอกได้ ไม่มีใครห้าม โดยกระบวนการรับสมัครจะมีขึ้น 15 วัน หลังจากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือก สว. ดังนั้นช่วงนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่าย รวมถึงประชาชนที่สนใจลงสมัครด้วย เพราะวาระของสว.ชุดนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่นาน และกระบวนการเลือก สว. ก็จะมีขึ้นหลังจากนั้นไม่เกิน 60 วัน ฉะนั้นการให้ความรู้ การสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี

นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้ยังไม่มีข้อระวังอะไร เพราะยังไม่เกิดอะไรที่พึงระวัง และต้องค่อย ๆ ดูข้อเท็จจริง เพราะกกต.มีหน้าที่ตามกฎหมาย ทำให้การคัดเลือก สว. เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ดังนั้นการที่จะคิดอะไรไปก่อน โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

เมื่อถามว่า มีความพยายามที่จะทำให้ผู้สมัครเป็นที่เข้าใจว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลัง ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า มาตรา 77 ได้กำหนดโทษเอาไว้แล้ว ส่วนจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ ทั้งนี้เห็นชัดแล้วว่าเป็นการเลือกตั้งโดยประชาชน ซึ่งเหตุที่จัดให้มีการเลือกโดยประชาชนเพราะเคยมีการจัดให้มีการเลือกตั้งแล้วมีการอิงกับพรรคการเมือง และมีการใช้หัวคะแนน ดังนั้นอะไรก็ตามที่ไม่เป็นการดำเนินการสมัครหรือดำเนินการสมัครด้วยตัวเอง ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย

ส่วนผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะสามารถลงสมัครได้จะต้องเว้นวรรค 5 ปีหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ต้องเว้นวรรค 5 ปี แต่อดีต สว. ที่จะรวมตัวกันจะส่งผู้สมัคร ไม่สามารถทำได้ เพราะเฉพาะ สว. เองก็ลงสมัครไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งการรวมตัวจะยิ่งถือว่าไม่เป็นอิสระ และ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. ที่จัดให้มีการเลือกในระบบนี้เป็นครั้งแรก ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เข้ามาแทรกแซง ก็เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย

เมื่อถามว่า คณะก้าวหน้าที่ดำเนินการในเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น สามารถมีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว. ได้หรือไม่ ประธาน กกต. กล่าวย้ำว่า ไม่สามารถยึดโยงกันได้ เพราะเป็นการให้ประชาชนผู้สนใจมาสมัคร จึงขอให้ยึดมั่นในคำนี้ ขณะที่การตรวจสอบของ กกต. นั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้มายื่นคำร้อง หากมีข้อเท็จจริงว่ากระทำการที่เข้าข่ายหรืออาจจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย กกต. สามารถตั้งเรื่องตรวจสอบเองได้

เมื่อถามย้ำว่า การเลือก สว. ที่ผ่านมา กกต. ตั้งเป้าผู้สมัคร 1แสนคน แต่มาจริงแค่ 7,000 คน ดังนั้น กกต. จะมีนโยบายดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามเป้านั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ตอนนั้นตนพูดเองว่าจะมีผู้สมัคร 1 แสนคน โดยคำนวณจากพื้นฐานวิธีการสมัครและผลที่จะได้จากแต่ละอำเภอกลุ่มละ 3 คน แต่ข้อเท็จจริงที่ออกมาพบว่าผู้สมัครไม่เยอะ ไม่เป็นที่น่าสนใจ ไม่น่าตื่นเต้น แต่ขณะนี้ที่ตั้งเป้าตัวเลข 1 แสนคน เพราะเป็นการเลือกเต็มรูปแบบ ไม่ใช่บทเฉพาะกาล โดยผู้ที่ได้รับเลือกก็จะได้รับเลือกเลย แตกต่างจากปี 2561 ที่เลือกเพียงรอบเดียว เมื่อได้ 200 รายชื่อในระดับจังหวัดต้องส่งให้ คสช. เลือกอีก 50 คน ดังนั้นปัจจัยการเลือกตั้งทื่แล้วกับครั้งนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงหวังว่าตัวเลขที่ 1 แสนคนไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งนี้ย้ำว่าการเลือก สว. ครั้งนี้ ยังมีข้อห้ามหาเสียงเช่นเดิม

ส่วนที่อดีตรองเลขาธิการ กกต. ยืนยันว่าการเลือกตั้ง สว. ปี 2561 เป็นการเลือกที่เงียบที่สุดในโลก ครั้งนี้จะเป็นเช่นเดิมหรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ครั้งที่แล้วไม่ได้เงียบที่สุดในโลก ถ้าเราจะพูดว่าเงียบที่สุดในโลก เราก็ต้องทราบว่าในโลกนี้มีการเลือก สว. ที่เงียบกว่าเราหรือไม่ แต่จริงๆ แล้ว กกต. ก็พยายามไปประโคมข่าวและประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุด แต่ความสนใจของประชาชน ณ ขณะนั้นมีไม่เยอะเท่าที่เราคาดการณ์ไว้