เรืองไกร ร้อง ‘กกต.’ สอย ‘รมว.ท่องเที่ยวฯ’ หุ้น459ล. ‘นิติกรรมอำพราง’ หรือไม่

เรืองไกร ร้อง ‘กกต.’ สอย ‘รมว.ท่องเที่ยวฯ’ หุ้น459ล. ‘นิติกรรมอำพราง’ หรือไม่

“เรืองไกร” ร้อง “กกต.” สอบปมหุ้น “สุดาวรรณ” รมว.ท่องเที่ยวฯ แจ้งขาย แต่ไม่ได้เงิน 459ล้าน กลับแจ้งให้กู้ยืมจำนวนเท่ากัน ส่อนิติกรรมอําพรางหรือไม่ เข้าข่ายต้องห้ามตาม รธน. ม.187 ความเป็นรมต.สิ้นสุดลง จี้ สอบบัญชีทรัพย์สิน “กำนันป้อ-มาดามหน่อย” หลังพบปล่อยกู้ลูก 193ล้าน

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านไปรษณีย์ ขอให้ตรวจสอบน.ส.สุดาวรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กรณียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งรายได้ ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสส. เมื่อ 4ก.ค.66 โดยแจ้งรายการซื้อขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงินไว้ดังนี้

มีรายได้จากการขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงิน 459,364,000 บาท มีเงินให้กู้ยืมเป็นลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น5รายรวม 459,364,000 บาท 

ต่อมาเมื่อ 1ก.ย.66 น.ส.สุดาวรรณ ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ในฐานะรัฐมนตรีอีก

กรณีจึงควรใช้บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินรวมทั้งรายได้ที่ยื่นต่อป.ป.ช. กรณีเข้ารับตําแหน่งสส. มาเป็นข้อมูลในการตรวจสอบรายได้จากการขายหุ้น แต่ยังไม่ได้รับเงิน แต่ตั้งเป็นลูกหนี้ไว้ ว่าน.ส.สุดาวรรณ ในตำแหน่งรมว.ท่องเที่ยวฯ มีการขายหุ้นดังกล่าวจริงหรือไม่ เหตุใดการขายหุ้นจึงไม่ได้รับชําระเงินเลย และทําไมจึงแจ้งเป็นเงินให้กู้ยืม(ลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น) ด้วยจำนวนที่เท่ากันคือ 459,364,000 บาท

หาก กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีเหตุอันควรสงสัยว่า ณ วันดํารงตำแหน่งรมว.ท่องเที่ยว การซื้อขายหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้ชำระเงิน ซึ่งมีจำนวนสูงมากนั้น จะเข้าข่ายเป็นการทํานิติกรรมอําพรางการถือหุ้นไว้ให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคลอื่นไม่ว่าในทางใดๆตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา187วรรคสี่ หรือไม่ จะถือได้ว่าน.ส.สุดาวรณ ในฐานะรมว.ท่องเที่ยวฯ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากถือเกินร้อยละ5 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่า เข้าข่ายกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรมนูญ มาตรา187 วรรคหนึ่งหรือไม่ อันจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา170วรรคหนึ่ง(5) หรือไม่

เนื่องจากน.ส.สุดาวรรณ ได้แสดงรายการหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือไว้ด้วยรวมเป็นเงิน 193,725,000บาท โดยมี3รายการซึ่งกู้จากนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ผู้เป็นบิดา อดีตรมช.คมนาคม 2 รายการ และกู้จากนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้เป็นมารดา และนายกอบจ.นครราชสีมา 1 รายการ มีคำอธิบายระบุไว้ว่า เป็นเจ้าหนี้สัญญาซื้อขายหุ้นวันที่ทำสัญญา คือ 17 ก.ค. 62 

ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบครบถ้วนรอบด้านจึงขอให้กกต.นําข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์  และนางยลดา ที่ยื่นไว้ต่อป.ป.ช. ทุกครั้งมาประกอบการตรวจสอบเพื่อให้ทราบถึงรายการเคลื่อนไหวทางเดบิตหรือเครดิตทางบัญชี หรือรายการรับจ่ายทางการเงิน (ถ้ามี) เกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้นหรือจําหน่ายจ่ายโอนหุ้นหรือเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นดังกล่าวด้วยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความเกี่ ยวข้องกับการเป็นรัฐมนตรีของวีรศักดิ์ มาก่อนด้วยหรือไม่