ปม ‘หมูเถื่อน’ สะเทือน 2 พรรค จับตาศึกวัดพลัง ‘ธรรมนัส-ไชยา’

ปม ‘หมูเถื่อน’ สะเทือน 2 พรรค จับตาศึกวัดพลัง ‘ธรรมนัส-ไชยา’

ดังนั้นการออกมาแฉ “หมูเถื่อน” ครั้งนี้จึงกลายเป็นการสะกิด “แผลเก่า” ที่ยังสดใหม่อยู่ขึ้นมาอีกรอบ โดยเป็นปัญหาเกาเหลากันระหว่าง “ผู้กองธรรมนัส” และ “ไชยา” จากเดิมที่ไม่ค่อยกินแหนงแคลงใจกันนักในเรื่องแบ่งงานในกระทรวง โดยเฉพาะในส่วนการกำกับดูแลกรมปศุสัตว์

เงื่อนงำหมูเถื่อนที่กำลังลุกลามบานปลายไปยังตัวละครทางการเมืองหลายคนกำลังเข้มข้น หลังจาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สั่งให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกันเกิดไฟปะทุขึ้นใน “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ขึ้นอีกรอบ ระหว่าง 2 รัฐมนตรีคนละค่าย ได้แก่ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรฯ และ “ไชยา พรหมมา” รมช.เกษตรฯ จากการแฉของ “ไทกร พลสุวรรณ” เครือข่ายคณะหลอมรวมประชาชน ในประเด็นเรื่อง “เคลียร์หมูเถื่อน”

ปัจจุบันกลุ่มตัวละครที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1.อดีตรัฐมนตรี ป. 2.กลุ่มทุนนำเข้าหมูเถื่อน 3.กลุ่มกระจายหมูเถื่อน 4.กลุ่มชิปปิ้ง

แต่ขบวนการนี้จะทำงานกันไม่ได้เลยหากไม่มีหน่วยงานรัฐทำเป็น “หลับตาข้างหนึ่ง” ปล่อยผ่านไป

ในส่วนของอดีตรัฐมนตรี “ป.” คือตัวละครสำคัญที่อยู่หลังฉาก ชื่อเสียงกระฉ่อนมาหลายยุคหลายรัฐบาล ขณะที่มีนักการเมืองใหญ่อีก 2 รายเข้าไปเกี่ยวข้องได้แก่ อดีตรัฐมนตรี “สุ” และรัฐมนตรีปัจจุบันชื่อย่อ “ส.”

นอกเหนือจาก 3 รายข้างต้นแล้ว แหล่งข่าวระดับสูงในแวดวงการเมือง บอกว่า แม้นักการเมือง ป.จะเป็นผู้กว้างขวางมากบารมีก็ตาม แต่ในขบวนการนี้ยังมีนักการเมืองระดับ “บ้านใหญ่” อยู่แถวปริมณฑล และไม่ไกลจาก กทม. คอยกำกับดูแลอีกอย่างน้อย 2-3 กลุ่มด้วย

โดย 3 ยุคที่ถูกตรวจสอบพบการลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” มีนักการเมือง และข้าราชการที่เข้าไปกำกับดูแล ได้แก่

  • รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 มีประภัตร โพธสุธน เป็น รมว.เกษตรฯ สรวิศ ธานีโต เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์
  • รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 มีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็น รมว.เกษตรฯ สมชวน รัตนมังคลานนท์ เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์
  • รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น รมว.เกษตรฯ สมชวน รัตนมังคลานนท์ เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์

เบื้องต้นบิ๊กเนมในพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น “นิกร จำนง” หรือ “วราวุธ ศิลปอาชา” ออกมาปฏิเสธถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีใครในพรรคเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้

ประเด็น “หมูเถื่อน” รอบล่าสุด กำลังลุกลามบานปลายกลายเป็น “ศึก 2 พรรค” และสุ่มเสี่ยงจะกลายเป็น “ชนวนแตกหัก” ของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

เพราะหลังจากที่ “ไทกร” ยอมรับว่าเป็นเจ้าของเสียง “นาย ท.” ในคลิปลับจริง โดยโทรศัพท์ไปหา “นาย ธ.” ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ เรื่องประสานงานเคลียร์สินค้า 38 ตู้ของ “นาย บ.” ที่ค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง หลังจากนั้นได้ออกมาแฉยกใหญ่ เปิดศึกไปที่ “ผู้กองธรรมนัส” โดยตรงถึงเรื่องนี้ พร้อมกับทำเรื่องร้องเรียนไปยัง "ไชยา พรหมมา” รมช.เกษตรฯ จากค่ายเพื่อไทยด้วย

สำหรับ “นาย ธ.” คืออดีตทนายความ อดีตผู้สมัคร สส.นครสวรรค์ พรรคเสรีรวมไทย ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากฎหมาย รมว.เกษตรฯ และเป็นหนึ่งใน “ทีมพญานาคราช” ตรวจค้นหมูเถื่อน ซึ่ง “ผู้กองธรรมนัส” เดินทางไปตรวจตู้สินค้าที่แหลมฉบังวานนี้ (6 ธ.ค.)

ดังนั้นการออกมาแฉ “หมูเถื่อน” ครั้งนี้จึงกลายเป็นการสะกิด “แผลเก่า” ที่ยังสดใหม่อยู่ขึ้นมาอีกรอบ โดยเป็นปัญหาเกาเหลากันระหว่าง “ผู้กองธรรมนัส” และ “ไชยา” จากเดิมที่ไม่ค่อยกินแหนงแคลงใจกันนักในเรื่องแบ่งงานในกระทรวง โดยเฉพาะในส่วนการกำกับดูแลกรมปศุสัตว์

แม้ว่า “ยกแรก” จะมี “เดอะ อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เข้ามาเคลียร์เป็น “กาวใจ” หย่าศึกไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อถูกแฉซ้ำ ที่สำคัญ “ไทกร” ที่เป็นผู้ร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ “ไชยา” เคยเป็นหนึ่งในทีมงานของ “ไชยา” มาแล้ว ในช่วงเป็น กมธ.วิสามัญร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา

ย่อมเป็นการ “ตอกย้ำ” ความขัดแย้งระหว่าง 2 รัฐมนตรีให้ปะทุขึ้นอีกรอบ

ล่าสุด “ผู้กองธรรมนัส” นำ “ทีมพญานาคราช” เข้าไปตรวจสอบคลังสินค้า ที่ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหล่มฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยตอบคำถามสื่อถึงกรณีคลิปเสียงลับที่ขอให้เคลียร์สินค้า 38 ตู้ดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์ในชั้นศาล แต่เจ้าหน้าที่กลับนำไปทำลาย ตอนหนึ่งว่า 

"เพราะเข้าใจข้อกฎหมายผิด ตามกฎหมายคือภายใน 30 วัน ชิปปิ้ง หรือผู้นำเข้าต้องมาทำกระบวนการเสียภาษี และขนออกไป หากครบ 30 วันไม่มา กรมศุลกากรจะเตือนให้มาดำเนินการใน 15 วัน ถ้า 15 วันไม่มาต้องยึด และตรวจสอบ เป็นกระบวนการที่กรมศุลกากรทำถูกต้องแล้ว ดังนั้นหากผู้ประกอบการ หรือเจ้าของสินค้ามาหลัง 15 วันที่ตรวจยึดเรียบร้อยแล้ว จะมาบอกว่าสินค้าถูกต้องมันไม่ได้" ธรรมนัส กล่าว

ในส่วนของขบวนการลักลอบหมูเถื่อนในปัจจุบัน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ 5 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมศุลกากร ที่ดูแลเรื่องนำเข้าสินค้า กรมปศุสัตว์ ตำรวจ ที่ได้รับเงินใต้โต๊ะปลายน้ำเล็กน้อย กรมประมง เป็นหน่วยงานสำคัญเพราะสินค้าที่เป็น “หมูเถื่อน” ส่วนใหญ่ถูกสำแดงเป็นปลา กุ้ง บางทีเป็นหัวปลา รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเกี่ยวพันกับการสอบสวนคดี ส่งผลให้มีการ “เด้งฟ้าผ่า” อธิบดีดีเอสไอมาแล้วก่อนหน้านี้

เดิม 10-15 บริษัทก่อนหน้านี้ กรมปศุสัตว์ ถูก “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” สั่งล็อกเป้า และตรวจสอบนำเข้าหมูเถื่อนหลังได้รับร้องเรียน ต่อมาจึงส่งเรื่องไปดีเอสไอเพื่อตรวจสอบ มีการโยกย้ายอธิบดี หลังจากนั้นมีการขยายวงมาเป็น 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ศ. และบริษัท ส. จนมีการแฉกันว่าในกรมปศุสัตว์มีเจ้าหน้าที่รับเงินหรือไม่

หากโฟกัสเฉพาะตู้สินค้าของ 2 บริษัท “ศ.-ส.” จำนวน 38 ตู้ตามคลิปเสียงที่ “ไทกร” เคลียร์นั้น ไทม์ไลน์นำเข้าเกิดขึ้นตั้งแต่ ส.ค. 2565 ขึ้นท่าเรือแหลมฉบัง โดยสำแดงเป็น “ปลาจวด” ต่อมาถูกกรมปศุสัตว์บล็อกสินค้า จึงร้องขอส่งออกสินค้าไปลาว แต่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” สั่งเข้มห้ามใครรับเคลียร์ทั้งสิ้น และสั่งจับกุมดำเนินคดีให้หมด ทำให้หน่วยงานรัฐต่าง ๆ แจ้งไปยังเจ้าของบริษัทเพื่อรับเคลียร์เอง เมื่อเปิดตู้ออกมาเป็นหมูเถื่อน จึงคิดราคาเคลียร์ 20% หลังจากนั้นจึงเกิดเป็นคลิปลับของ “ไทกร” ตามที่ทราบกัน

แหล่งข่าวระดับสูง บอกข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อสำแดงเท็จ นำเข้า “หมูเถื่อน” นั้น จ่ายเงินใต้โต๊ะตู้ละ 3 แสนบาท ปัจจุบันมีการจ่ายกันไปแล้วอย่างน้อย 166 ตู้ เมื่อดีดลูกคิดคำนวณ 1 ตู้ เท่ากับ 26 ตัน คิดเป็น 26,000 กิโลกรัม มี 166 ตู้ เท่ากับ 4,316 ตัน คิดเป็น 4.3 ล้านกิโลกรัม เพราะฉะนั้นมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะไปแล้วไม่ต่ำกว่า 49.8 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ข้อมูลอีกแหล่งจากกรมปศุสัตว์แจ้งว่า ปัจจุบันมีไม่น้อยกว่า 2,000 ตู้ที่มีการเคลียร์กันไปก่อนหน้านี้ แต่หากเป็นการเคลียร์กันภายหลังถูกตรวจสอบพบไปแล้ว จะต้องจ่ายตู้ละ 10-20 ล้านบาทเลยทีเดียว

ทั้งหมดคือขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ที่ลุกลามบานปลาย เกี่ยวพันหลายตัวละครทางการเมือง สุดท้ายข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้องรอการตรวจสอบกันต่อไป