'สามารถ' เตือน 'บิ๊กทิน' อย่ากลัวกลืนน้ำลาย ถอย'เรือดำน้ำ' ซื้อ'เรือฟริเกต'

'สามารถ' เตือน 'บิ๊กทิน' อย่ากลัวกลืนน้ำลาย ถอย'เรือดำน้ำ' ซื้อ'เรือฟริเกต'

"สามารถ" เตือน "บิ๊กทิน" อย่ากลัวกลืนน้ำลาย หลังถอย"เรือดำน้ำ" ซื้อ"เรือฟริเกต" แทน พร้อมจี้คิดถึงทรัพยากรประเทศ

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  กล่าวถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ    ที่ล่าสุด  นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  มีการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและมีคำสั่งเปลี่ยนไปเป็นการจัดซื้อเรือฟริเกตกับประเทศจีนแทนนั้น  

นายสามารถ กล่าวว่า  ในรัฐบาลชุดที่แล้วนายสุทินได้เคยอภิปรายไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวเคยใช้วาทะกรรมว่าจนทำให้ข้อมูลบิดเบือนว่าเป็น เรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์  

ขณะที่ข้อเท็จจริงเกิดภาวะสงครามการสู้รบระหว่างยูเครน-รัสเซียทำให้จีนไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์เยอรมันได้ตามข้อตกลงจึงมีการพูดคุยเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปเป็นของประเทศจีนแทน      

แต่พอมาวันนี้ นายสุทิน  มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม  กลัวกลืนน้ำลายตัวเองในสิ่งที่เคยอภิปรายไป  เลยต้องเปลี่ยนโครงการไปเป็นการจัดซื้อเรือฟริเกตแทน 

 นายสามารถ  กล่าวย้ำถึงความจำเป็นของการมีเรือดำน้ำเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง  พม่า  มาเลเซีย  และ สิงค์โปร ได้รุกร้ำนำเรือดำน้ำเข้ามาสำรวจทรัพยกรทางทะเลในประเทศไทยแล้ว    

ดังนั้นเรือฟรีเกตซึ่งเป็นเรือผิวน้ำจึงไม่มีความจำเป็น เรามีทรัพยกรธรรมชาติใต้ทะเลมีค่าอันมหาศาล จึงต้องมีเรือดำน้ำไว้สำหรับการหวงแหน และปกป้องอำนาจอธิปไตยไว้ให้กับลูกหลาน

“นี่แหระประเทศไทยถึงไม่เจริญ  นโยบายไหนของรัฐบาลที่แล้วทำดี  ไม่กล้าทำต่อ  กลัวไปเป็นผลงานของรัฐบาลนั้น ก็สั่งเปลี่ยนโครงการเป็นเรือฟริเกตแทน แต่พอท่านเป็นฝ่ายค้านใส่วาทะกรรมจนเข้าใจว่าเรือดำน้ำ ไม่มีเครื่องยนต์ชาวบ้านเลยเข้าใจแบบนั้น  

ทั้งๆที่ตอนซื้อมันยังไม่เกิดสงคราม ดังนั้นวันนี้ถ้าท่านเอาเรือมาเท่ากับกลืนน้ำลายตัวเองท่านเลยบอกไม่เอาแต่จะเอาเรือฟริเกตแทน” นายสามารถกล่าว

นายสามารถ  กล่าวด้วยว่า  ในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เห็นถึงความสำคัญเรื่องทรัพยากรทางทะเล จึงต้องมีการจัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อความมั่นคงของประเทศ    หากไม่สามารถจัดซื้อเรือดำน้ำเครื่องยนต์เยอรมันได้  ก็ถือว่ามีการทำผิดสัญญาไม่สามารถจัดซื้อเรือได้ตามที่ตกลงไว้ รัฐบาลชุดนี้โดยรัฐมนตรีกลาโหม  

จึงควรนำงบประมาณเหล่านั้นมาสร้าง“แลนด์บริดจ์” หรือ โครงการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน หรือเปลี่ยนไปเป็นการก่อสร้างสนามบิน หรือนำมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศดีกว่า เปลี่ยนโครงการเป็นการจัดซื้อเรือฟรีเกตด้วยซ้ำ