'เศรษฐา' คุย 'บิ๊กต่อ' ถึง สตช. สั่งยกระดับมาตรการครอบครองอาวุธปืน

'เศรษฐา' คุย 'บิ๊กต่อ' ถึง สตช. สั่งยกระดับมาตรการครอบครองอาวุธปืน

"เศรษฐา" รุด หารือ "บิ๊กต่อ" ที่สตช. ขอบคุณที่ปฏิบัติการ เหตุยิงพารากอน ได้เฉียบขาด ชี้ ต้องยกระดับมาตรการครอบครองปืน สั่ง คลัง-กรมศุลฯ คุมเข้มการนำเข้า

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับ 'บิ๊กต่อ' พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า มีเรื่องคุย 3 เรื่อง โดยเรื่องแรกที่ตนมาคุยคือ มาขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ได้ออกปฏิบัติการได้อย่างเฉียบขาดทันควันในแง่ของการจับกุมผู้กระทำความผิด และในเรื่องการที่จะค้นหาญาติของคนจีน ที่กระจัดกระจายไปตอนช่วงชุลมุน ซึ่งก็ได้ติดตามมาได้ในเวลา 22.00 น.กว่าซึ่งตนก็ได้โทรบอกทูตจีนด้วยว่าเจอแล้ว เพื่อทำให้ทางสถานทูตจีนได้คลายความกังวลว่าเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่สองได้พูดคุยว่าทางตำรวจต้องมีมาตรการในการยกระดับของกฏหมายในการครอบครองปืนหรือความง่ายในการเข้าถึงอาวุธปืน อันนี้ตนต้องขออนุญาตให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลงต่อ 

เรื่องที่สามได้พูดคุยว่าตอนนี้เป็นหน้าที่ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลกรมศุลกากรจะต้องเข้มงวดในการนำเข้าปืน ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ถือเป็นช่องโหว่อันหนึ่งที่สามารถนำปืนนอกเข้ามาได้ 

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องคดีผู้กระทำความผิดมีสถานะเป็นเด็ก จึงขอให้ทุกฝ่ายให้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวใดๆ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบสวนอยู่ ผู้ก่อเหตุเองจนล่าสุดได้รับรายงานว่า ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะให้ปากคำได้

ในส่วนของประเด็นที่นายกฯเดินทางมา ท่านขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกระดับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมาโดยตลอด 

โดยอ้างอิงจากสถิติการกวาดล้างอาวุธปืน เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจดำเนินการตรวจสอบเข้าค้นที่หมายกว่า 100 แห่ง เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 2,000 คดี ได้ปืนของกลางกว่า 900 กระบอก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้กำชับให้ตำรวจจับกุมอาวุธปืนของจริง แต่ทั้งนี้จากสถิติที่ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร.ที่รายงานมาถึงตน เมื่อวานนี้(3 ตุลาคม) ปืนที่เป็นปืนจริง ไม่ได้ออกมากระทำความผิดเลย ปืนที่นักเรียนส่วนมากใช้มาก่อเหตุจะเป็นปืนชนิด “แบลงค์ กัน” (blank gun) ตรงกับที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) รายงานสถิติการใช้ปืน “แบลงค์ กัน” สูงมาก

ทั้งนี้ต้องยอมรับ ขณะนี้มันไม่มีกฎหมายใดที่ไปบังคับการนำเข้าผ่านทางกรมศุลกากร คนขายขออนุญาตขาย คนซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาต นี่คือช่องว่างของกฎหมาย จากนั้นคนซื้อนำไปดัดแปลง

กรณีที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุเองก็ใช้ปืน “แบลงค์กัน” ที่ผ่านการดัดแปลงทำตามช่องทางยูทูป ในขั้นแรก ตนได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เฝ้าเจาะเว็บไซต์พวกนี้ให้ได้ ตั้งเป็นทีมเฉพาะในการคุมเว็บไซต์ที่ขายปืนเถื่อนทางออนไลน์

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกฎหมาย ตำรวจได้ประสานกับกรมการปกครองเพื่อไม่ให้สิ่งที่จะทำให้ปืน “แบลงค์กัน” เป็นสิ่งที่ซื้อขายได้ ให้ของดัดแปลงลักษณะนี้เป็นอาวุธไปเลย ต้องยกระดับกฎหมายนี้ไม่ให้นำเข้ามาโดยวิธีใด ไม่ให้สิ่งนี้หลุดเข้ามาในท้องตลาด เรื่องนี้ ขอยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการอยู่ ไม่ใช่แค่จับกุม แต่จะต้องยกระดับกฎหมายเรื่องการนำเข้า

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวขอให้สื่อมวลชน ประชาชน ระมัดระวังการพูดถึงพฤติกรรมคนร้าย ทำให้เขาเป็นเป้าเป็นฮีโร่ เสี่ยงเกิดการเลียนแบบ ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่เข้าใจ และไม่นำเสนอพฤติกรรมต่างๆ รวมถึงคลิปต่างๆ

ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำเรื่องหลักสูตร “หนี ซ่อน สู้” ขอให้สื่อช่วยกันกระจายเพื่อให้เกิดช่องทางความรู้ และนำไปใช้ในชีวิตจริง จะเห็นว่า เด็กนักเรียนกรุงเทพคริสเตียนและโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน ที่ได้ฝึกหลักสูตรนี้ ตอนเกิดเหตุจริง ลูกก็ได้สอนแม่นำไปใช้จริงตามที่ได้เรียนอย่างที่เห็น คนร้ายมักเลือกเป้าหมายอ่อนแอ เรื่องที่เราสอนจะเกิดประโยชน์ในการป้องกันตัวเอง หากเกิดเหตุการณ์จริง ฉะนั้น ฝากสื่อมวลชนนำเสนอความรู้ หลักสูตรนี้