"เศรษฐา"ขอบคุณคำเสนอแนะจากรัฐสภา พร้อมขอโอกาสรัฐบาลมือใหม่ทำงาน

"เศรษฐา"ขอบคุณคำเสนอแนะจากรัฐสภา พร้อมขอโอกาสรัฐบาลมือใหม่ทำงาน

"นายกฯ" ขอบคุณรัฐสภา ในคำเสนอแนะและทุกคำดูถูก ยอมรับยุคของรัฐบาลเศรษฐา เพิ่งเริ่มต้น ขอโอกาสให้รัฐบาลมือใหม่ได้ทำงาน ย้ำจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจนผ่านกระทรวง ไม่ทำหนี้สธ.พุ่งเกิน63% หากไม่จำเป็น

เมื่อเวลา 00.25 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ​ กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวาระแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยการอ่านเอกสาร ระบุว่า ตน ขอบคุณทุกความเห็นและข้อแนะนำ คำติชม และทุกคำดูถูก ที่รับฟัง 2 วัน ประเทศไทยประสบปัญหายาวนานว่า ทั้งนี้มีการเปรียบเทียบรัฐบาลของตนกับรัฐบาลที่ผ่านมา ตนขอเรียนว่ายุคของตนเพิ่งเริ่มไปวานนี้ (11 ก.ย.) ถือเป็นมือใหม่ แต่ตนตั้งใจและทะเยอทะยานพร้อมรับฟังความเเห็นสมาชิกรัฐสภา  ที่เป็นเป็นตัวแทนประชาชน แบกความหวังการทำหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้น อะไรที่คิดว่าดีต่อประชาน ช่วยเสนอ ตนพร้อมรับฟังฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ยอมรับว่าข้อเสนอที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อทำงาน แต่งเติมนโยบายในอนาคตหลายอย่างรัฐบาลรับไปพิจารณา

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ในวาระการแถลงนโยบาย ช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจว่าจะทำ และมีภาพหวัง ผลลัพท์บริหารประเทศภายใต้รัฐบาลนี้ นโยบายทั้งหมดถูกรวบรวมโดยพรรคร่วมที่หาเสียงไว้กับประชาชน ทุกพรรคตั้งใจจริงใจ ร่วมกันบริหารให้ประเทศฝ่าวิกฤตการเมือง แก้ปัญหาเร่งด่วนที่มีเพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า ตามที่ให้ความเห็นว่าอยากให้มีรายละเอียดเพิ่มเติมลงลึกและตัวเลข ตัวชี้วัดอื่นๆ ระยะเวลา ไทม์ไลน์ ไม่ต้องห่วงมีแน่นอน รัฐบาลจะทำรายละเอียดให้ครบถ้วน บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการของแต่ละกระทรวง พร้อมกับผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ขณะที่งบประมาณให้ความสำคัญสำหรับทุกนโยบายอย่างระมัดระวัง ไม่กระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะ ที่มีอยู่63% ให้สูงไปอีกโดยไม่มีเหตุอันควร

“ผมและครม. ล้วนเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ใหม่ คุ้นเคยหน้าตากัน ขอเวลา และยืนยันว่ามีแผนให้ดูแน่นอน ขอให้ 4 ปี ต่อจากนี้เป็นปีที่ทำงานหนัก ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ คุ้มภาษี ส่วนเป้าหมายความสำเร็จของนโยบายของรัฐบาลจะพิสูจน์ได้จากการเติบโตของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านต่างๆ  ผมขอเชิญชวนรัฐสภา และประชาชนติดตามการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดที่มอบความไว้วางใจให้พวกเรา ขอบคุณครับ” นายเศรษฐา กล่าว

 

จากนั้นได้ปิดประชุมเวลา 00.31 น. ท่ามกลางเสียงปรบมือของสมาชิกรัฐสภา.