"วิทยา" ตั้งเงื่อนไขเจรจา "เพื่อไทย" ต้องแบ่งกระทรวงให้ชัดเจน

"วิทยา" ตั้งเงื่อนไขเจรจา "เพื่อไทย" ต้องแบ่งกระทรวงให้ชัดเจน

"วิทยา" ปัดข่าว "พท." คุยแกนนำ "รทสช." ถึงแนวทางร่วมรัฐบาล แต่ตั้งเงื่อนไขวงเจรจาต้องแบ่งกระทรวงให้ชัด ประเมินหากไม่จบ วันโหวตนายกฯอาจยุ่ง-การเมืองเปลี่ยนมือ ไปพรรคอันดับสาม

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิเสธไม่ทราบข่าวถึงการนัดพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทย ฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กับพรรครวมไทยสร้างชาติวันนี้ (17 สิงหาคม) ทั้งนี้การเจรจาเรื่องดังกล่าวนั้นพรรคมอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดำเนินการ หากจะพูดคุยกันหรือมีข้อสรุปอย่างไร ตนคงทราบในวันที่ 21 สิงหาคม เนื่องจากพรรครวมไทยสร้างชาตินัดประชุมพรรคในวันดังกล่าว   ทั้งนี้ตนไม่เห็นด้วยกับการเจรจาที่นัดคุยและนัดแถลงข่าว ดื่มกาแฟโชว์ เพราะชาวบ้านรู้สึกลำคาญ ทั้งนี้ในการทำงานร่วมกันนั้นกับพรรคเพื่อไทยนั้น ตนมองว่าเงื่อนไขการทำงานร่วมกันนั้นไม่มีปัญหา เพราะพรรคมีหลักของเราและยืนยันตลอดว่าหากยอมรับในกรอบหลักของพรรคที่เสนอมาตลอด ไม่ขัดข้อง

 

“การตั้งรัฐบาลร่วมกัน หากไม่แบ่งงานกัน จะร่วมอะไรกัน หากคุยเรื่องกระทรวงจบ ก็จบ แต่นี่ยังไม่เจ็บ เอ็มโอยูหลอกเด็กนั้นหมดสมัยแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจองกระทรวงสำคัญซึ่งทับกับกระทรวงที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องการนั้น ผมไม่ทราบรายละเอียด แต่มองว่าเมื่อถึงเวลาต้องเปิดอกคุยกัน จะเอาอย่างที่คิด คงไม่มีใครร่วมกับคุณ ดังนั้นต้องฝากให้คิด แต่จะเอาจริงหรือไม่นั้น ต้องคุยกัน” นายวิทยา กล่าว

นายวิทยา กล่าวย้ำด้วยว่า ขณะนี้ยังมีเวลาพูดคุย อีก 3-4 วัน จะคุยกันลับๆ เพื่อตกลงกันให้ได้ และไม่ต้องจัดแถลงข่าว เพราะอารมณ์ของชาวบ้านนั้นลำคาญ ขณะที่ราคาต่อรองมี จ่ายกันจนหมดเงินแล้ว ขอให้จบ ไม่เช่นนั้นจะยุ่ง

 

เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้มีการต่อรองกันอยู่ใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่อยู่ในกระบวนการ  แต่ตนไม่เห็นด้วยที่จัดแถลงข่าวบ่อยๆ เจอกันทีแถลงกันที ซึ่งการแถลงข่าวไม่ใช่การนัดคุยเพื่อทำงาน อย่างไรก็ดีตนไม่กล้าประเมินว่าการพูดคุยจะจบหรือไม่ ทั้งนี้การพูดคุยเรื่องตั้งรัฐบาล ต้องพูดถึงนโยบาย ที่ทุกพรรครับได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องการแบ่งงาน แบ่งภารกิจ เพราะการตั้งรัฐบาลไม่ใช่ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แต่เป็นรัฐบาลผสม ดังนั้นต้องหาที่ยืนในระดับที่สภาเป็นเสียงข้างมาก รวมถึงการมอบหมายงานต้องดูหน้าดูตา

 

"หากมาคุยมาเจอแล้วแยกย้าย ไม่ตกลงอะไร แบบนี้พบกัน 100 ครั้งก็ได้ ดังนั้นภารกิจตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยต้องทำให้จบ เพื่อให้การโหวตนายกฯ ครั้งเดียวจบ หากไม่ตรงกันก็อาจจะต้องไปเรื่อยๆ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีเวลาทำภารกิจให้บรรลุ ภายในวันที่ 21 สิงหาคม นี้  อย่างไรก็ดีตนมองว่า หากถึงวันโหวตนายกฯ แล้วไม่จบ จะยุ่ง การเมืองจะเปลี่ยน เนื่องจากหากแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เสนอจนหมด แต่มีปัญหา ชื่อนายกฯ อาจไหลไปที่พรรคอันดับสามได้" นายวิทยา กล่าว

เมื่อถามย้ำถึงสัญญาณของการพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทย นายวิทยา กล่าวว่าพรรคมอบภารกิจให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคแล้ว ซึ่งทั้ง 2 คนมีอำนาจตัดสินใจได้ ดังนั้นต้องรอฟังข่าว อย่างไรก็ดีกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ล็อควันโหวตนายกฯ วันที่ 22 สิงหาคม คม ถือว่าเวลาเหลือน้อย ต้องตัดสินใจ ส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นตัวจริงและไม่พลาด เพราะมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ไม่มีรอบแก้ตัว เพราะกฎหมายค้ำคอ ดังนั้นคนถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องเชื่อมั่น และรับได้

 

ผมมองว่าคนที่จะถูกเสนอชื่อให้โหวตนายกฯ ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภา เพราะกรณีที่จะปลุกเสกให้เป็นนายกฯ แต่ไม่เป็นรูปเลย ถือว่าไม่ขลัง ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหากไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ควรมาแสดงวิสัยทัศน์ ทั้งนี้เป็นอำนาจของประธานรัฐสภาที่สามารถทำได้ แต่ต้องทำให้เห็นว่าไม่ใช่การตะลุมบอน ว่ากันด้วยเบื้องหลังใส่กัน ดังนั้นคนที่จะถูกเลือกต้องเตรียมตัวมาชี้แจง” นายวิทยา กล่าว

 

เมื่อถามว่า หากการต่อรองไม่จบ วันโหวตนายกฯ ประเมินว่าจะจบ หรือ จะจอด  นายวิทยา กล่าวว่า การต่อรองเป็นอย่างไร ตนไม่ขอประเมิน ทั้งนี้ตนต้องการความเป็นจริง  ทั้งนี้ตนมองว่าการนัดโหวตนายกฯ 22 สิงหาคม เท่ากับเป็นการกดดัน แทนที่ประธานรัฐสภาควรฟังว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมวันไหน เพราะหากมีความไม่พร้อมอีก อาจต้องเลื่อนประชุมอีก

 

เมื่อถามว่าขณะนี้ สว. รอฟังท่าทีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนจะตัดสินใจทิศทาง นายวิทยา กล่าวว่า “อยู่ที่การตกลงว่าพร้อมหรือตกลงกันได้หรือไม่ ซึ่งผมไม่ขอพยากรณ์ว่าจะโหวตหรือไม่ อย่างไรก็ดีวันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะเอาพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่เอาอย่างไร ดังนั้นผมพยากรณ์ไม่ได้”