ศปปส. เตือน ส.ว. หากโหวต "พิธา" นายกฯ ถือเป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์

ศปปส. เตือน ส.ว. หากโหวต "พิธา" นายกฯ ถือเป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์

ศปปส. อ่านแถลงการณ์ สอบจริยธรรม ส.ว. สมรู้ร่วมคิด โหวต พิธา นายกฯ ขัดต่อคำวินิจฉัย ศาลรธน. ที่มีผลผูกพันทุกองค์กร เรื่อง การล้มล้างการปกครอง

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในพื้นที่กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน 4 รอ.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศปปส. อ่านแถลงการณ์เรื่อง สอบจริยธรรม ส.ว. สมรู้ร่วมคิดกระทำการขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันทุกองค์กรในเรื่อง การล้มล้างการปกครอง

โดยระบุว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 64  ศาลรัฐธรรมนูญชี้ ชุมนุม 10 ส.ค.63 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีผลผูกพันทุกองค์กรในเรื่องการล้มล้างการปกครอง การเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วย "พระราชฐานะ" ของพระมหาลกษัตริย์ ที่ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและอยู่เหนือความรับผิดชอบทางการเมือง ตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงกระทำผิดมิได้ และให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามเข้าไปล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ จะส่งผลกระทบต่อ "สถานะ" ของสถาบันฯ และนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองในที่สุด

การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ อันนำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินความพอเหมาะเกินควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด

"ดังนั้นการที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ท่านใดที่โหวตใหักับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นเท่ากับเป็นการสมรู้ร่วมคิดกระทำการขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ปรปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิยกเลิกกฏหมายอาญามาตรา 112 นำกฎหมายอาญา มาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง เปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะหมวด 1 และหมวด 2 เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นการลดทอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์และหรือล้มล้างการปกครองนั่นเอง”

อนึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” 


ดังนั้นการที่ส.ว. ท่านใดที่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั่น เท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนและหรือสมรู้ร่วมคิดกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ และเหมาะสมหรือไม่ที่จะครองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ศปปส. จึงอยากเห็นความสง่างามของส.ว. ซึ่งถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในสภาสูงของรัฐสภาอันทรงเกียรติของไทย คงรักษาเกียรตินั้นด้วยชีวิต ดั่งคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยถ้อยคำที่ว่า “ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ

นอกจากนี้นายอานนท์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอมให้กลุ่ม ศปปส. เข้าไปยื่นหนังสือข้างในรัฐสภา เพราะหากยอมให้กลุ่มศปปส. เข้า จะเป็นประเด็นให้อีกลุ่มเข้าด้วย เราอยากบอกกับส.ว.ว่า อย่ายกมือโหวดให้กับผู้ที่จะมาเป็นผู้นำประเทศที่มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้มาแก้มาตรา 112 พวกเราไม่ยอมอยู่แล้ว นี่คือสัญญาณเตือนไปยังส.ว. ถ้าท่านอยู่ในรายชื่อที่โหวดให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เท่ากับท่านเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย อีกทั้งพรรคก้าวไกลก็ไม่ยอมลดเพดานที่จะไม่แก้มาตรา 112  ตน กลุ่มศปปส. และกลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงิน ขอคัดค้านจนถึงที่สุดกับนายกรัฐมนตรี ที่มีปฏิปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์

จากนั้นนายอานนท์ ได้ยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อส่งต่อให้ส.ว. ในรัฐสภา ทั้งนี้ทางกลุ่มศปปส. ได้ระบุว่า สำหรับการชุมนุมในวันนี้ ต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงเย็นอีกครั้ง ว่าจะมีการขับเคลื่อนอย่างไร ต่อไป