ยื่น กกต.สอบ 5 นักการเมือง 3 พรรค อ้างอยู่เบื้องหลังประชามติแยกดินแดน

ยื่น กกต.สอบ 5 นักการเมือง 3 พรรค อ้างอยู่เบื้องหลังประชามติแยกดินแดน

'ศรีสุวรรณ' ยื่นหลักฐาน กกต.เพิ่มชี้ 5 นักการเมือง 3 พรรคอยู่เบื้องหลังประชามติแบ่งแยกดินแดน หวิดปะทะ 'ลุงศักดิ์' อ้างถูกถ่ายภาพ ยืนดักหน้ารถ ขู่เจอหน้าที่ไหนพร้อมกระทืบแล้วค่อยมอบตัว ไม่หวั่นจำคุกแค่ 6 เดือน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน  เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อกกต.กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอให้กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังขบวนนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเปิดตัวเมื่อ 7 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ณ มอ.วิทยาเขตปัตตานีและการจัดทำประชามติแยกดินแดนซึ่งเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา1 และกฎหมายอาญามาตรา119

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ยื่นคำร้องต่อกกต.ไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.พบว่ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่จำนวนมาก ทั้งการที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี ดำเนินคดีแก่ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานเสวนา สอดรับกับข้อมูลที่ตนได้ยื่นไว้กับกกต.ก่อนหน้านั้น และวันนี้จึงต้องนำข้อมูลมายื่นเพิ่มเติม เป็นรายชื่อบุคคลที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง โดยเป็นนักการเมือง 5 คน จาก 3 พรรคการเมือง คลิปวีดีโอการไปบรรยายในสถานที่ต่างๆ

"เรื่องนี้สังเกตได้ง่าย ไม่ต้องแสวงหาข้อมูลเชิงลึก เพราะหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะมีการเรียกมาสอบเชิงลึก เราจะได้เห็นว่ามีพรรคการเมืองไหนไปเกี่ยวข้องนักการเมืองคนไหนไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหาในคดี ซึ่งก็นั่นแหละคือนักการเมือง พรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังขบวนการของนักศึกษา ทางองค์กรจึงต้องนำความมาชี้ให้กกต.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งกกต.จะเพิกเฉยไม่ได้ เพราะมีผลต่อชาติ ต่อแผ่นดินเพราะการแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ คนไทยทั้งประเทศจะไม่ยอมคนไทยทั้งประเทศจะไม่ยอมเสียเอกราชทางดินแดนให้กับบุคคลใด  ไม่ว่านักการเมืองหน้าไหนที่มีพฤติกรรมแบบนี้เราต้องประจานไม่ยินยอมให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาดำเนินการใช้เทคนิคเล่ห์เหลี่ยมกฎหมาย เราจึงต้องมายื่นดำเนินการให้เร็วที่สุด"

นายศรีสุวรรณ กล่าวถึงกรณีนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นไม่รับคำร้องยุบพรรคก้าวไกลจากเหตุมีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ไม่เป็นไร หากหลักฐานไม่ชัดเจนก็เป็นอำนาจของกกต.ที่จะปัดตกได้ แต่หากมีหลักฐานเพิ่มเติมที่มีน้ำหนักมากขึ้น ประชาชนที่ทุกคนก็มีสิทธิที่จะมาร้องให้กกต.ได้ดำเนินการได้อยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายศรีสุวรรณกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้น  นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์  พร้อมทีมงานที่จะคอยทำหน้าที่ไลฟ์สด ได้เดินทางมาถึงก่อนนายศรีสุวรรณ 10 นาทีและอ้างว่ามารอนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ที่จะมายื่นหนังสือต่อ กกต.ได้นั่งพักคอยอยู่ ก็ได้ตะโกนโวยวายเมื่อผู้ที่ติดตามดูแลความปลอดภัยของนายศรีสุวรรณได้ทำการถ่ายภาพบรรยากาศโดยรอบ และติดภาพนายวีรวิชญ์  โดยนายวีรวิชญ์ระบุว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ ตนเองไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่โจร และขอให้ลบภาพตนเองออก พร้อมพยายามเดินตามนายศรีสุวรรณที่กำลังจะไปยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐประศาสนศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ประจำสำนักงานกกต.ต้องคอยกันไม่ให้นายวีรวิชญ์และทีมงานฯ เข้าถึงตัวนายศรีสุวรรณ

โดยนายศรีสุวรรณก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าโดยเมื่อจะเดินทางกลับก็ได้ลงบันไดเพื่อออกทางประตูชั้น1ของอาคาร แต่นายวีรวิชญ์ ก็ออกไปดักรอบริเวณบันไดทางขึ้นพื้นที่ด้านหน้าอาคารที่นายศรีสุวรรณจอดรถไว้ พร้อมถ่ายรูปรถของนายศรีสุวรรณไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลพยายามพูดคุยกับนายวีรวิชญ์ว่า จะกลายเป็นการทำผิดซ้ำ แต่นายวีรวิชญ์ยืนยันว่า ไม่เป็นไรและยอมที่จะติดคุกเพราะติดแค่ 6 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจึงต้องมีการประสานไปยังตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัย โดยเมื่อนายภัทรพงศ์เดินทางมาก็ได้รีบสอบถามนายวีรวิชญ์ว่า นายศรีสุวรรณอยู่ที่ใดซึ่งนายวีรวิชญ์ แจ้งว่า ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้ว  แต่มีสายสืบเข้ามา 4-5 คนและขอให้ตนอย่ามีเรื่อง ซึ่งส่วนตัวขอแค่ลบภาพก็พอแล้วและฝากไปถึงทีมงานของนายศรีสุวรรณให้ลบรูปภาพตน  ถ้าลบแล้วโทรศัพท์มาบอกก็จบ  แต่ไม่ลบเจอที่ไหนต่อยแน่ กระทืบเลยแล้วจะไปมอบตัว  เพราะตนมาตนให้สัญญากับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าจะไม่ระรานใคร แต่เขามากวนตนก่อน