"วิลาศ" ขยี้ 3เรื่องพิรุธ โครงการสร้างรัฐสภาใหม่ ส่ง "ป.ป.ช." แล้ว

นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ  ให้สัมภาษณ์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ถึงผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า จากการติดตามพบว่ายังมีประเด็นที่เป็นปัญหาและทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ฐานะผู้ว่าจ้างบริษัทซิโน-ไทย  เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้ลงนามตรวจรับงานแล้ว ล่าสุด คือ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พบข้อพิรุธ อาทิ เสายึด ที่พบว่าเป็นเสาเยื้องศูนย์  คือ เสาที่ตอกลงแม่น้ำคนละขนาด กับเสาที่เชื่อมพื้นที่ด้านบน และแนวเสาไม่ตรงกัน ซึ่งจากการสอบถามวิศวกร ถือว่ามีผลต่อความมั่นคงในระยะยาว นอกจากนั้นแล้วยังพบขนาดของกำแพงเขื่อนที่ไม่ได้มาตรฐาน บางส่วนกว้าง 1 เมตร บางส่วนไม่ถึงเป็นต้น

 

นายวิลาศ กล่าวด้วยว่าสำหรับเขื่อนป้องกันตลิ่งพังนั้น ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า การทำแนวมีช่องว่าง หรือ กำแพงยาวไม่ถึงพื้น เพราะตามการก่อสร้าง บริเวณหลังกำแพงเขื่อนต้องถมทรายหรือดิน แต่ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าดินหลังกำแพงทรุด และมีลักษณะเป็นบ่อหลายจุด เพราะหากไม่มีช่องว่างดินหลังกำแพงคงไม่ทรุดเป็นจำนวนมาก และยิ่งปรากฎชัดเมื่อช่วงน้ำลด

 

 

“เรื่องเขื่อนนี้ ผมแจ้งไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.แล้ว และยังมีหลายเรื่องที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะการก่อสร้างที่ผิดแบบ หรืองานบางอย่างพบการเปลี่ยนแปลงแบบโดยที่ไม่แก้ไขแบบให้ตามระเบียบ และบางงานพบว่ามีการแก้ไขลดขนาดงาน แต่ไม่มีการลดค่างาน เป็นต้น” นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ กล่าวด้วยว่าประเด็นที่ตนยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.  อาทิ หินที่ปูทางเดินรอบสภาฯ ตามแบบก่อสร้างกำหนดให้ใช้หินวิทิตา สีส้ม ขนาด 60 คูณ 60 เซนติเมตร ปรากฎว่างานก่อสร้างที่ปรากฎใช้หินวิทิตาที่ผิดแบบ ทั้งขนาดที่เล็กกว่า และทางเดินรอบอาคารยังพบว่ามีการนำหินแกรนิตสีดำมาปูแทนหินตามแบบ แต่บางจุดพบว่าเป็นหินปูทางเท้าที่สีแตกต่างกันออกไป

“ผมเอาวิศวกรเหมืองแร่มาตรวจสอบ เขาให้ความเห็นว่า หินบางจุดเป็นเศษหินที่ใช้บดทำทางรถไฟ ไม่ใช่หินที่ใช้ประดับตกแต่ง และยิ่งกว่านั้นการปูหินทางเท้าขนาดไม่เท่ากันและยังมีสีสันหลายเฉด แตกต่างกันชัดเจน ผมทราบว่าการทำแบบนั้น ไม่ได้แก้ไขสัญญาก่อลงมือทำ ทั้งนี้ผมเคยร้องเรียนไปยังสภาฯ และได้คำชี้แจงว่า หินวิทิตาตามแบบนั้น เหมืองหินถูกปิดตั้งแต่ปี2563ทำให้ต้องหาหินอื่นทดแทน แต่ล่าสุด พบว่าในงานก่อสร้างทางเดินฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ใช้งบฯ ประมาณ 12 ล้านบาท พบว่านำหินวิทิตาขนาดที่สัญญากำหนดมาก่อสร้างได้ ดังนั้นผมจึงมองว่าเรื่องนี้ทำผิดสัญญา ไม่แก้ไขสัญญา และเมื่อลดสเปคจริงแต่ไม่ลดเงิน” นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า ประเด็นต้นไม้ที่นำมาปลูก ทั้งในอาคารและนอกอาคาร พื้นที่รัฐสภา  ตามสัญญา กำหนดให้มีต้นไม้ยืนต้น ตามแบบ 400 ต้น ตามสัญญา ระบุว่า ต้นแม้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งขนาดของต้น ความสูง และทรงพุ่ม ต้องอนุบาลที่สภาฯ 8 เดือน เพื่อให้รากงอก แตกใบอ่อน จากนั้นถึงนำลงปลูก อีก 8 เดือนหากต้นไม้รอด จึงจะส่งมอบงาน

 

นายวิลาศ กล่าวว่าล่าสุดจากกาตรวจสอบ พบว่า ต้นไม้ตายไป 100 ต้น ทั้งที่ส่งมอบงานและจ่ายเงินแล้ว ดังนั้นเมื่อนำต้นใหม่ลงปลูก ทำให้เว้นการทำตามเงื่อนไขในสัญญา ทั้งการอนุบาลและรอเวลาปลูกลงดิน รวม 16 เดือน นอกจากนั้นพบว่า ขนาดของต้นไม้ยังลดขนาดตามสัญญา เพราะปัจจุบันอาคารก่อสร้างแล้วเสร็จ หากนำต้นไม้ใหญ่เข้าอาคารอาจต้องทุบบางส่วน ทำให้สภาฯ ลดขนาดต้นไม้ ประมาณ 48 ต้น ที่ปลูกในอาคาร แต่พบว่าต้นไม้ที่นำมาซ่อมซึ่งปลูกนอกอาคารนั้นลดขนาดตามด้วย

 

 

 

นายวิลาศ กล่าวว่าประเด็นต้นไม้นั้น ตนได้รับแจ้งว่ามีประเด็นที่สภาฯ ถูกฟ้องร้องจากเจ้าหน้าที่ ที่เคยเป็นอดีตผู้ควบคุมงาน ATTA ที่สภาฯร้องเรียนให้เปลี่ยนตัว โดยให้เหตุผลคือ ทำให้งานล่าช้า ทั้งนี้ตนทราบรายละเอียดคือ เจ้าหน้าที่ ATTA พยายามคัดค้านการเปลี่ยนขนาดของต้นไม้ที่นำมาปลูกในอาคารรัฐสภา เนื่องจากผิดแบบและไม่มีการแก้ไขสัญญา ทั้งที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ทำหนังสือเร่งรัดงานต่อเนื่อง  ทำให้สภาฯ แจ้งเรื่องให้ปลด และก่อนที่ ATTA จะปลดนั้น เจ้าหน้าที่ได้ฟ้องร้องต่อสภาฯ

 

“หลายเรื่องผมร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ ทั้งเรียกเอกสารรายละเอียดตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้ผมมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นานเท่ากับประเด็นตรวจสอบนาฬิกาของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ป.ป.ช. ชี้มูล นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาฯ ที่ใช้เวลา 10ปี เพราะปัจจุบันมีกฎหมายกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 ทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องกำหนดเวลาพิจารณา ดังนั้นการตรวจสอบเรื่องนี้จะใช้เวลาไม่นาน ส่วนกรณีที่โครงการก่อสร้างรัฐสภาใช้เวลาก่อสร้างนาน และเกี่ยวข้องกับหลายเลขาธิการสภา หรือ ข้าราชการหลายชุด เชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะผมยื่นฟ้องคณะกรรมการตรวจการจ้าง ไม่เกี่ยวกับการเจาะจงบุคคลใด หากจะเกี่ยวกับคณะกรรมการตรวจการจ้างชุดใด หรือไม่ ต้องเป็นไปตามหลักฐานและขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะตรวจสอบ” นายวิลาศ กล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้นายวิลาศ ยังเคยร้องเรียนต่อสภาฯ และ ป.ป.ช. ในประเด็นข้อพิรุธในการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ย่านเกียกกาย อาทิ ไม้ที่ใช้ในการก่อสร้าง, หลังคารรั่ว เป็นต้น ทั้งนี้ล่าสุดยังได้ พาสื่อมวลชนเฉพาะสถานีโทรทัศน์ บางช่องลงเรือเพื่อตรวจสอบการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังด้วย.