‘ปฏิวัติสภา’ เกมนี้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไม่ได้

‘ปฏิวัติสภา’ เกมนี้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไม่ได้

"...การประกาศจองเก้าอี้ประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล จึงไม่ใช่เรื่องเกมต่อรองอำนาจ แต่เป็นการเดินไปสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อชนะทางการเมือง และเปลี่ยนแปลงประเทศไทย..."

วิวาทะติ่งแดง และด้อมส้ม กรณี ประธานสภาฯ อาจทำให้รัฐบาลแห่งความฝัน ภายใต้ผู้นำคนใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ล้มคว่ำคะมำหงาย

ความเป็นจริงทางการเมือง พรรคก้าวไกล ได้ ส.ส.151 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.141 ที่นั่งห่างกันอยู่ 10 ที่นั่ง ซึ่งเป็นไฟต์บังคับในนามฝ่ายประชาธิปไตย ที่จำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

ดังนั้น พรรคอันดับสองอย่างเพื่อไทย จึงขอเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะพรรคอันดับหนึ่งได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ว

บังเอิญว่า ก้าวไกล ไม่ใช่พรรคการเมืองแบบเดิมๆ จึงทำให้การเจรจาต่อรองตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ประสบความสำเร็จ

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงชัดว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล เพื่อการทำงานตามกลไกระบบสภาให้สะดวกยิ่งขึ้น

นักรัฐศาสตร์คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า พรรคก้าวไกล สู้เพื่อชนะทางการเมือง ส่วนพรรคเพื่อไทย สู้เพื่อชนะเลือกตั้ง

ดังนั้น พรรคก้าวไกล จึงไม่ได้มุ่งหวังแค่ตำแหน่งหรืออำนาจ แต่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงต้องใช้สถานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า,แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และสร้างรัฐสภาให้เป็นของประชาชน

‘ปฏิวัติสภา’ เกมนี้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไม่ได้

สิ่งที่แกนนำพรรคสีส้ม ต้องการมากที่สุดคือ การผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า เช่นกรณีการนิรโทษกรรมในคดีความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112

หากประธานสภาฯ ไม่ใช่คนของพรรคก้าวไกล ก็คงยากที่จะผลักดันร่างกฎหมายแก้ไข ม.112 เข้าสู่สภาฯ รวมถึงการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดในคดี ม.112 

ด้วยเหตุนี้ ส้มจี๊ดชื่อ เจี๊ยบ หรือ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล จึงโพสต์ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ว่า “ประธานสภา” กระดุมเม็ดแรกของก้าวไกลเพื่อผลักดันกฎหมายก้าวหน้า

การยอมถอยกรณีแก้ ม.112 ออกจากเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมรัฐบาล ก็ถือว่า ก้าวไกลยอมยืดหยุ่นเพื่อประคองให้พิธาไปสู่เป้าหมายตำแหน่งนายกฯ แต่หากกฎหมายแก้ไข ม.112 ไม่สามารถผลักดันได้ในสภาฯ หาเสียงคราวหน้า พรรคก้าวไกลก็เหนื่อย

มิเพียงแค่นั้น ประธานสภาผู้แทนฯ ของค่ายสีส้ม จะเข้าไปปฏิรูปสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผลักดันให้เกิดความโปร่งใสในกิจการรัฐสภา และประชาชนมีส่วนร่วม

ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มอนุรักษนิยม จะตกอกตกใจเมื่อเห็นแผนการของก้าวไกล ที่จะตั้ง สภาเยาวชน (Youth Parliament) ที่ขึ้นตรงกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนฯ โดยกำหนดให้สมาชิกสภาเยาวชนทุกคนมาจากการเลือกตั้งของเยาวชนทั่วประเทศ

‘ปฏิวัติสภา’ เกมนี้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไม่ได้

นักเคลื่อนไหวขวาจัดถึงกับอุทานว่า นี่มันเป็นการสร้างขบวนการเรดการ์ด ทั้งที่ในช่วงเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฏการณ์ด้อมส้มวัย 14-15 ปี เป็นจำนวนมาก ในขอบเขตทั่วประเทศ

นับแต่การก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ จนมาถึงพรรคก้าวไกล อุดมการณ์ของพรรคนี้ มีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น แม้แต่พรรคเพื่อไทย 

ถ้าย้อนไปอ่านสเตตัสว่าด้วย ส.ส.แบบปฏิวัติ ในเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul เดอะป๊อก - ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้นำเสนอโมเดล “ส.ส.แบบปฏิวัติ” ที่ต่างจากนักเลือกตั้งทั่วไป

อาจารย์ป๊อกเสนอว่า สภาผู้แทนราษฎรต้องมี ส.ส.แบบปฏิวัติ ให้มากกว่า ส.ส.แบบราชการ ซึ่งส.ส.แบบราชการ (Bureaucrat MP) คือ คนที่ได้เป็น ส.ส.แล้ว ก็อยากเป็นอีก ราวกับตำแหน่ง ส.ส. เป็นอาชีพ หรือสมบัติของตระกูลตนเอง 
 ส.ส.ประเภทนี้ที่เรารู้จักกันดีว่า เป็น ส.ส.บ้านใหญ่ ซึ่งจากผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็ยังได้รับเลือกเข้ามากว่าครึ่งค่อนสภาฯ

สำหรับ ส.ส.แบบปฏิวัติ (Revolutionary MP) ในทัศนะอาจารย์ป๊อก จะต้องเป็น ส.ส.ที่กล้าเสนอและผลักดันการแก้ไข ม.112 กล้าอภิปรายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ 

ส.ส.แบบปฏิวัติ ต้องอภิปราย ตรวจสอบ ศาล เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อปรับปรุงให้ศาลอยู่ในร่องในรอยของประชาธิปไตย

“ส.ส.แบบปฏิวัติ เมื่อเกิดรัฐประหาร ต้องออกมาต่อต้านเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน แล้วรวมตัวกันเปิดประชุมสภากันเอง เพื่อยืนยันว่ายังคงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ถืออำนาจอธิปไตยกับประชาชน แย่งชิงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแข่งกับคณะรัฐประหาร”

‘ปฏิวัติสภา’ เกมนี้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไม่ได้

ในจำนวน ส.ส.พรรคก้าวไกล 151 คน ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต จะเข้าข่าย ส.ส.แบบปฏิวัติ (Revolutionary MP) ทุกคนหรือไม่ คงต้องฝากอาจารย์ป๊อกประเมินอีกครั้ง 

ที่แน่ๆ ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 และ โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ ว่าที่ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 23 บางนา-พระโขนง ก็น่าจะจัดให้เป็น ส.ส.แบบปฏิวัติ ตามที่อาจารย์ป๊อกวาดฝันไว้

ทั้งลูกเกด และโตโต้ ได้ร่วมกับรังสิมันต์ โรม เคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจ คสช.มาตั้งแต่ปี 2558 ถูกจับกุมคุมขังมาไม่รู้กี่รอบ

ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และชัยธวัช ตุลาธน ได้คัดสรรผู้สมัคร ส.ส. โดยยึดหลักอุดมการณ์และแนวคิดการเมืองเป็นหลัก โดยถอดถอนบทเรียนกรณี ส.ส.งูเห่า ทำให้พรรคก้าวไกล เต็มไปด้วยว่าที่ ส.ส.รุ่นใหม่ไฟแรง ไม่ต่างจาก ส.ส.แบบปฏิวัติ ตามที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ออกมาเรียกร้องว่า ประเทศไทยต้องมี ส.ส.แบบปฏิวัติ ให้มากกว่า ส.ส.แบบราชการ

มีว่าที่ ส.ส.จำนวนหนึ่ง ได้ถูกบ่มเพาะและฝึกปรือวิทยายุทธ์ จากการเป็นผู้ช่วย ส.ส. และทำงานในกรรมาธิการชุดต่างๆ โดยมี ส.ส.รุ่นพี่เป็นผู้ดูแลต่อเนื่อง 

ดังนั้น การประกาศจองเก้าอี้ ประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล จึงไม่ใช่เรื่องเกมต่อรองอำนาจ แต่เป็นการเดินไปสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อชนะทางการเมือง และเปลี่ยนแปลงประเทศไทย