ตัวละครลับ ดีลพรรค 1 เสียง ผสมสูตร ต่อรอง “เก้าอี้ รมต.”

การเลือกตั้ง ส.ส.รอบนี้  จากผลคะแนนที่ “กรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) ประกาศอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า มี 18 พรรค ที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาผู้แทนราษฎร 

แบ่งเป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งรอบที่แล้ว และมี ส.ส.ในสภาฯ 11 พรรค คือ “ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนากล้า-ประชาชาติ-เสรีรวมไทย-ประชาธิปไตยใหม่-ครูไทยเพื่อประชาชน” ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาฯ อีกรอบ  

และ พรรคน้องใหม่ 6 พรรคได้แก่ “ไทยสร้างไทย-เป็นธรรม-พลังท้องที่ไท-พลังสังคมใหม่-พรรคใหม่-เพื่อไทรวมพลัง”  รวมถึง “พรรครวมไทยสร้างชาติ”

จากผลเลือกตั้งที่ประกาศอย่างไม่เป็นทางการ และการคาดการณ์ของ กกต. พบว่า มีพรรคที่ได้ ส.ส. 1 คน รวมทั้งสิ้น  7 คน จาก 7พรรคการเมือง คือ แบ่งเป็นพรรคที่เคยได้เข้าสภาฯ เดิม 3 พรรค คือ เสรีรวมไทย-ครูไทยเพื่อประชาชน-ประชาธิปไตยใหม่ และ 4 พรรคน้องใหม่ คือ พรรคใหม่-เป็นธรรม-พลังท้องที่ไท และ พรรคพลังสังคมใหม่ 

ซึ่ง 7 เสียงที่ได้มา แน่นอนว่าไม่มีผลกระทบใด หากพิจารณาจากสูตรตั้งรัฐบาล 310 เสียง ที่ “ก้าวไกล” ประกาศ จาก 6 พรรค ในขั้วฝ่ายค้านเดิม พ่วง “พรรคไทยสร้างไทย และ พรรคเป็นธรรม”

ขณะที่พรรคขั้วรัฐบาลเดิม ไม่ว่าจะเป็น “ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา” พร้อมยอมรับในคำประกาศของ “ก้าวไกล”  และเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้าน

ทว่าในความเคลื่อนไหวของการฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลนั้น มีรายละเอียดที่พิจารณา คือ โควตารัฐมนตรี

โดยมี 3 พรรคเล็ก คือ “พรรคครูไทยเพื่อประชาชน-พรรคใหม่-พรรคพลังสังคมใหม่” ยอมรับว่ามีพรรคในฝั่งเตรียมตั้งรัฐบาลร่วมกันต่อสายเพื่อ “ขอให้ไปร่วมชายคา”  แต่ไม่ใช่ “ต่อตรง” เพื่อให้ “ก้าวไกล” - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็น “นายกฯ” คนที่ 30  แต่คือ “การขอเสียง” เพื่อนำไปต่อรองขอเก้าอี้ 

 

โดย “ปรีดา บุญเพลิง” หัวหน้าพรรคครูไทยฯ ยอมรับว่ามีการต่อสายดึงให้ไปรวมเสียง กับ “บางพรรค” ไม่ใช่ “ร่วมรัฐบาล”  ทั้งนี้เจ้าตัวยังไม่ตอบรับ เพราะขณะนี้ต้องรอลุ้นผลคะแนนเลือกตั้ง ที่ยังไม่ถูกนับหรือรายงานผลประมาณ 500 หน่วย ที่คำนวณเป็นเสียงแล้ว ประมาณ 1.5 ล้านเสียง ซึ่งอาจจะเลือกพรรคอื่น และพลิกอันดับ ทำให้ “ครูไทยฯ” พลาดโอกาสเป็น 1 ใน 100 ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ได้เข้าสภาฯ 

การพูดคุยกับ ตัวละครลับนั้น “ปรีดา” บอกว่า ได้คุยถึงระดับนโยบายที่เจ้าตัวเสนอนโยบายปฏิวัติการศึกษา และดูแลสุขภาพนักเรียน ผ่านการสนับสนุน อาหารเช้า-กลางวันฟรี และนมฟรี ตั้งแต่ระดับอนุบาล-ป.6  ทั้งนี้การเจรจายังไม่ตกผลึกเพราะต้องรอการประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ส่วนอีกพรรค คือ “พลังสังคมใหม่” ของ “เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ” ที่รับว่า “ได้รับสายตรง จากพรรคก้าวไกล” เป็นรองหัวหน้าพรรค  แต่เขาจำชื่อไม่ได้เพื่อชักชวนให้ร่วมรัฐบาล  และตอนนี้ ตอบตกลงแล้ว

ขณะเดียวกัน ด้วยความเป็น “คนจ.น่าน” บ้านเดียวกับ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก่อนที่ “ก้าวไกล” จะต่อสาย  “คนของหมอชลน่าน” ได้มาพูดคุยถึงทิศทางการทำงานร่วมกัน

 

“ผมไม่ขัดข้องที่จะไปร่วมงานกับทั้ง พรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทย คือ พรรคก้าวไกลก็ได้ หากเป็นพรรคเพื่อไทย ก็ดี โดยสิ่งที่พิจารณาคือ การได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาด้านเกษตร ทั้ง ราคาพืชผลทางการเกษตรและชาวสวนภาคเหนือ” เชาวฤทธิ์ ระบุ

ดังนั้น หากการดึง “3 ว่าที่ ส.ส.จากพรรคเสียงเดียว” ได้ จะทำให้สมการตั้งรัฐบาล “ประชาธิปไตย” มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

ขณะที่อีกพรรค 1 เสียง จาก “สุรทิน พิจารณ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่สมัยที่แล้ว อยู่ในกลุ่มของ “บ้านป่ารอยต่อ-ธรรมนัส พรหมเผ่า”  ยังไม่พบความเคลื่อนไหวการดีลข้ามขั้ว เหมือนพรรคเสียงเดียวอื่นๆ ซึ่งเจ้าตัว ระบุว่า หากไม่ชวนไปร่วมรัฐบาล ไม่สนใจ พร้อมทำงานเป็นฝ่ายค้าน และมองสิ่งที่ “ก้าวไกล” ประกาศจะตั้งรัฐบาลกับ “ขั้วฝ่ายค้านเดิม” เท่านั้น เป็นสิ่งสะท้อนความคับแคบในใจของ “คนที่จะก้าวเป็นผู้นำประเทศ”

“พวกผมได้รับเลือกตั้ง จากประชาชนเช่นกัน  หากคิดแค่ว่าจะเอาขั้วนั้น ไม่เอาคนขั้วนี้ เท่ากับไม่ให้เกียรติประชาชน ที่เลือกพรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าสภา อีกทั้งยังเป็นคำพูดที่สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น อย่าลืมว่าการลงมติใดๆ ในสภาฯ ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิ มีเสียงเท่ากับในการออกเสียงลงคะแนน อีกทั้งสมการของการเมืองไทย 1+1 ไม่เท่ากับ 2” หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ย้ำ

แม้การจัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อดูทรงของ “รัฐบาลฝั่งชนะเลือกตั้ง”  ทว่าในรายละเอียด คือ “การต่อรอง” ที่จะผสมสูตรได้ลงตัว เพื่อทำงานร่วมกันได้
 

ขณะนี้ หลายพรรค ตั้งการ์ดสูงเช่นกัน เพื่อให้รัฐบาลใหม่ไร้อุบัติเหตุ และ “อยู่ครบเทอม”