สั่งลุย! รอง ผกก. - เภสัชกร คนใกล้ชิด 'แอม ไซยาไนด์' คดีวางยาฆ่า 12 ศพ

สั่งลุย! รอง ผกก. - เภสัชกร คนใกล้ชิด 'แอม ไซยาไนด์' คดีวางยาฆ่า 12 ศพ

นายกฯ - ผบ.ตร. - บิ๊กโจ๊ก ไฟเขียวสั่งลุย! รอง ผกก. อดีตสามี - เภสัชกร พี่สาว คนใกล้ชิด 'แอม ไซยาไนด์' คดีวางยาฆาตกรรมต่อเนื่อง 12 ศพ

อัปเดต คดี แอม ไซยาไนด์ เผยเรียก รอง ผกก. อดีตสามี-เภสัชฯ พี่สาวแอมให้ปากคำวันนี้ ขณะที่ช่วงเช้าค้นบ้านพัก-ร้านขายยา จ.ราชบุรีแล้ว

"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.ศิริพร หรือก้อย อายุ 32 ปี เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ช่วงสงกรานต์ปี 2566 ขณะเดินทางไปปล่อยปลาที่ริมแม่น้ำในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรีว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีได้ลงพื้นที่เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพัก ซึ่งเป็นร้านขายยาพี่สาวของน.ส.สรารัตน์ (แอม) ที่อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน 

“ในการเข้าตรวจค้นพบกับพี่สาวของ น.ส.สรารัตน์ ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ส่วนรายงานผลการเข้าตรวจค้นมีพี่สาวเป็นผู้นำเข้าตรวจค้นแต่รายละเอียดยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องเชิญพี่สาวเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจด้วย”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่วนแคปซูลเปล่า ที่ตรวจค้นเจอในบริเวณบ้านพักของ น.ส.แอมในจังหวัดนครปฐม ได้เก็บมาแล้ว พร้อมกับส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจหาความเชื่อมโยงกับคดีที่ น.ส.ปลา ซึ่งเป็นภรรยาของตำรวจรุ่นเดียวกันกับ รอง ผกก.(สอบสวน) ที่เป็นอดีตสามีของ น.ส.แอม โดยได้รับยาโควิดจาก น.ส.แอม มากินแล้วมีอาการตัวเกร็ง ปากเขียว หมดสติ ก่อนที่กู้ชีพจะเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์ปั๊มหัวใจขึ้นมาได้ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และต้องตรวจหาความเชื่อมโยง เพราะถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ

“ในเวลา 15.00 น. ได้เรียก รอง ผกก. (สอบสวน) ซึ่งเป็นอดีตสามีของน.ส.สรารัตน์เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ โดยตนจะเป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง”

กำชับคดี “แอม ไซยาไนด์” เด็ดขาด สั่งนิติเวช ตรวจเข้มศพตายผิดปกติ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคดี แอม ไซยาไนด์ ว่า ขณะนี้ได้กำชับตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทราบว่ากำลังทำงานอยู่เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า คดีนี้เป็นฆาตกรรมที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย และรอดชีวิต 2 ราย รวมมีเหยื่อ 13 ราย และ เชื่อว่าน่าจะมีอีก โดยขณะนี้ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งศูนย์อำนวยการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือมีเบาะแสสามารถเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจได้ตลอดเวลา ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. กำกับดูแลในภาพรวมทั้งหมด 

“กำชับเรื่องการทำงานของตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้ไปมาประกอบ เพราะเป็นคดีฆาตกรรม ฆ่าไตร่ตรองในหลายพื้นที่ ย้ำว่าหากใครมีญาติที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ให้มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ศูนย์อำนวยการฯ ภาค7 หรือ โรงพักใกล้บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหาพยานหลักฐาน”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุอีกว่า ส่วนที่อดีตสามีของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจและพี่สาวเป็นเภสัชกรนั้น ก็จะต้องสอบสวนทั้งหมด คาดว่าต้องใช้เวลา ซึ่งจากแผนประทุษกรรมเชื่อว่าผู้ต้องหาคิดว่าใช้วิธีฆาตกรรมแบบนี้จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวได้ ส่วนการก่อเหตุจะมีผู้ร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ รวมทั้งที่มีกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด

" จากนี้ การตรวจชันสูตรของนิติเวช รพ.ตำรวจ จะตรวจอย่างเข้มข้นขึ้น และจะพิจารณาตรวจสารไซยาไนด์ในศพที่การตายผิดปกติ โดยจะเอาข้อมูลจากเคสดังกล่าวมาเป็นข้อมูลประกอบ"