ชำระแค้นแดน "ศรีสะเกษ" -"เสาเข็ม" พลังหนู บู๊ "ตีงู"ค่ายอุ๊งอิ๊ง
"ศึกแค้น" ดินแดนอีสานใต้อย่าง"ศรีสะเกษ" รอบนี้ถือเป็นเดิมพันระหว่างค่าย "แดง-น้ำเงิน" ที่“บู๊ห้ำหั่น”อย่างดุเดือด โดยมี "ค่ายส้ม"ที่นับวันกระแสจะตีตื้นขึ้นเรื่อยๆรอจังหวัดเบียด
ผลสำรวจสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ “นิด้าโพล” เมื่อ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เปิดผลสำรวจ “คนศรีสะเกษเลือกพรรคไหน” โดยพบว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ยังครองความนิยมอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกล ตามมาด้วย “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
เช่นเดียวกับ “ส.ส.เขต” คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยยังเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยพรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย และพรรคไทยสร้างไทย ผลโพลที่ออกมา สะท้อนให้เห็นว่าศึกรอบนี้บรรดาพรรคการเมือง ต่างหวังจับจองพื้นที่ “ตีตั๋วผู้แทน” ไม่แพ้พื้นที่อื่น
ย้อนสถิติการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 “8 ที่นั่ง” ศรีสะเกษ ถูก 2 พรรคครอบครอง โดย 6 ที่นั่งเป็นของพรรคเพื่อไทย ขณะที่อีก 2 ที่นั่ง เขต 1 สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และ เขต 7 อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เป็นของพรรคภูมิใจไทย
ทว่า ในห้วงที่ “ตลาดการเมือง” เกิดปรากฏการณ์แจกกล้วย-ซื้อตัว ส.ส. สถานการณ์ “ค่ายคนแดนไกล” จึงตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ ส.ส.แห่ตีจาก
ไม่เว้นแม้แต่ “3 ส.ส.ศรีสะเกษ” ทั้ง จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ เขต 4 ธีระ ไตรสรณกุล เขต5 และ ผ่องศรี แซ่จึง เขต 8 ที่ปิดดีล ทิ้ง “นายใหญ่” ย้ายเข้า “ค่ายสีน้ำเงิน”
ฉะนั้น สนามศรีสะเกษรอบนี้ ซึ่งมี ส.ส.เพิ่มเป็น 9 คน จึงถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงกลางปี 2565 “อุ๊งอิ๊ง” นำทัพเยือนศรีสะเกษ เปิดตัว “ผู้สมัคร” ภายใต้ยุทธการ “ไล่หนู-ตีงู” เวทีดังกล่าว “อุ๊งอิ๊ง” ย้ำชัดถึงการปักธงแลนด์สไลด์ศรีสะเกษ ปลุกพลังโหวตสั่งสอนไปในคราวเดียวกัน
" แม้จะมีคนออกไปสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ตนขอให้ทุกเขต เลือกคนของพรรคเพื่อไทย ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น บันไดแรกแลนด์สไลด์" อุ๊งอิ๊งแพทองธารกล่าว เมื่อวันที่ 18มิ.ย.2565
ไม่ต่างจาก “ค่ายภูมิใจไทย” ภายหลังการประกาศตัวย้ายค่ายของ “3 ส.ส.” ศรีสะเกษ ถือเป็นจังหวัดแรกๆ ที่ “อนุทิน” ทำทีมเยือน พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ “ตอกเสาเข็ม” กวาดยกจังหวัด พร้อมแจก “2 เก้าอี้รัฐมนตรี+1 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์”
“ผมขอได้ไหม ขอให้มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่พูดไม่เก่งแต่ทำงานเก่ง ทำงานเป็น มุ่งมั่นทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนดังสโลแกน “พูดแล้วทำ” ได้พูด ได้เว้า ได้เฮ็ด ส่วนที่เลขาธิการพรรคบอกว่าถ้าได้ ส.ส.ยกจังหวัดจะให้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ผมจะให้ 2 เก้าอี้เลยถ้าได้ ส.ส.ยกจังหวัด” นายอนุทินกล่าวเมื่อวันที่20 พ.ค.2565
ตอกย้ำด้วย “บัญชีปาร์ตี้ลิสต์” พรรคภูมิใจไทยรอบนี้ ที่มีการปูนบำเหน็จให้กับ “กวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลูกสาวบ้านใหญ่ “วิชิต ไตรสรณกุล”นายก อบจ.ศรีสะเกษ ขยับจากลำดับ 30 ในรอบที่แล้ว ขึ้นมาอยู่เซฟโซน ลำดับที่ 9 หลังนำครอบครัว “ไตรสรณกุล” ยกทีมย้ายเข้าค่ายภูมิใจไทยได้สำเร็จ
เมื่อเจาะลึกรายเขต ต้องจับตาไปที่ เขต 1 เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “คู่ปรับเก่า” ค่ายเพื่อไทย ส่ง “เสี่ยนาย” ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ ชนกับ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ แห่งค่ายภูมิใจไทย โดยทั้ง 2 ตระกูลถือเป็น “คู่ปรับ” ในสนามเขต 1 มายาวนาน
“ธเนศ” เป็นลูกชาย ไพโรจน์ เครือรัตน์ อดีต ส.ส. ได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกในยุคไทยรักไทยในปี 2544 และชนะมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการเลือกตั้งปี 54 ซึ่งมีการเปลี่ยนจากเขตใหญ่ 3 คน เป็นเขตเดียว เบอร์เดียว ยามนั้น “โต้ง สิริพงศ์” ส.ส.เขต 1 เดิม ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคชาติไทย ดังนั้น “มานะพันธ์ อังคสกุลเกียรติ” ผู้เป็นอา จึงลงสนามแทน แต่ก็พ่ายให้ “ธเนศ”
กระทั่งการเลือกตั้งปี 62 “สิริพงศ์” ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย จึงเอาคืนได้ ล้ม “ธเนศ” แชมป์หลายสมัยจากพรรคเพื่อไทยได้สำเร็จ ด้วยคะแนนทิ้งห่างเกือบหมื่นคะแนน
ยามนั้น “บิ๊กสีน้ำเงิน” พออกพอใจผลงาน ถึงขั้นเตรียมตกรางวัลด้วยเก้ารัฐมนตรีให้ “สิริพงศ์” ทว่า ฝันกลับต้องสลาย หลังจากปฏิบัติการ “โหวตสวน” ลงมติ “งดออกเสียง” เลือก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ถูกแบนยาว 4 ปีจนครบวาระ
ไม่ต่างจาก “เสี่ยนาย” ที่รอบนี้ พกความมั่นอกมั่นใจ ขอกู้หน้าเอาคืนในเขต 1 ศรีสะเกษ เช่นกัน
ไล่มาที่ เขต 2 เพื่อไทย ส่ง “สุรชาติ ชาญประดิษฐ์” แชมป์เก่า รอบที่แล้วคว้าชัยชนะแบบถล่มทลาย ชนกับ "อังคาร ลาลุน" ภูมิใจไทย
เช่นเดียวกับเขต 3 เพื่อไทย ส่ง “วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ” แชมป์เก่า ชน “ธนา กิจไพบูลย์ชัย” จากภูมิใจไทย ซึ่งรอบที่แล้ว แพ้ “วิวัฒน์ชัย” ไปกว่า 2 หมื่นคะแนน รอบนี้จึงพยายามขายภาพคนรุ่นใหม่ เพื่อแก้มืออีกครั้ง
ขณะที่เขต 4 เป็นอีกเขต ที่น่าจะสู้กันดุเดือด เพื่อไทยส่ง “นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ” ชนกับ "อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์" น้องสาวบ้านใหญ่ ธีระ-วิชิต ไตรสรณกุล โดยอุดมลักษณ์ลงแทน นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สามีที่โบกมือลาค่ายเพื่อไทย โดยทั้งสองถือเป็นคู่ปรับ ที่ฟาดฟันกันมาหลายยุคหลายสมัย
สำหรับ “หมอภูมินทร์” โลดแล่นในสนามการเมืองมาตั้งแต่ยุค 2535 ในนามพรรคความหวังใหม่ รอบที่แล้ว ลงชิงในนามพลังประชารัฐ แต่ก็แพ้ “หมอจาตุรงค์” ไปเพียง 2,000 คะแนน รอบนี้จึงหวังเอาคืนคู่แข่งอีกครา
ขณะที่ “อุดมลักษณ์” เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2550 สังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย
โดยปี 54 เธอจะเอาชนะหมอภูมินทร์ ได้เป็น ส.ส.ภูมิใจไทยคนเดียวของ จ.ศรีสะเกษ รอบนี้ อุดมลักษณ์ ตัวแทนบ้านใหญ่ประกาศศักดา จะคว้าเก้าอี้เขต 4 ศรีสะเกษ ให้ได้
ไม่ต่างจาก เขต 5 เพื่อไทยส่ง "อมรเทพ สมหมาย" อาศัยฐานเสียงคนเสื้อแดง ชน "ธีระ ไตรสรณกุล" พี่ใหญ่ไตรสรณกุล เแชมป์เก่าที่ลงรักษาเก้าอี้ ในนามภูมิใจไทย
เขต 6 เพื่อไทยส่ง "วีระพล จิตสัมฤทธิ์" แชมป์เก่า รอบที่แล้วชนะแบบถล่มทลาย ชน วุฒิเดช ทองพูล นักธุรกิจอดีต ส.จ.วังหิน จากภูมิใจไทย
เขต 8 ถือเป็นอีกหนึ่งเขตที่น่าจะสู้กันอย่างดุเดือด เพื่อไทยส่ง “ผู้ใหญ่เฮง” ประวิทย์ จารุรัชกุล อดีตนายก อบต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย หวังล้ม "แนน” อาสพลธ์ ลูกชาย มงคลพัฒน์ สรรณ์ไตรภพ นักธุรกิจใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย และเป็นสายตรงบ้านใหญ่ไตรสรณกุล จากพรรคภูมิใจไทย
ทว่า ในยามที่ “เสาเข็ม” ค่ายภูมิใจหนู กำลัง “บู๊ห้ำหั่น” ยุทธศาสตร์ “ตีงู” ของ “ค่ายอุ๊งอิ๊ง” ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กระแสพรรคก้าวไกลเริ่มตีตื้นขึ้นในหลายพื้นที่อีสาน
ฉะนั้นในยามที่ค่ายแดง-น้ำเงิน กำลังออกหมัดซัดกันนัวเวลานี้ ดีไม่ดีจะเข้าทาง “ตาอยู่” ค่ายส้ม ที่นับวันกระแสจะยิ่งตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ
