‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์   อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

แม้ผลโพลเลือกตั้ง66 ช่วงโค้งแรก "เพื่อไทย" จะคะแนนนำ แต่ "พรรคเล็ก"ไม่มีทางยอมให้ตัวเองสูญพันธุ์ พร้อมประลองกำลังและประกาศ ได้ "ส.ส." ในฐานที่มั่นบ้านใหญ่และขยายฐาน พื้นที่ที่มีโอกาส

แม้บรรดา “เกจิการเมือง” จะคาดการณ์ถึงการเลือกตั้ง 66 ว่า “พรรคเพื่อไทย” กระแสแลนด์สไลด์มาแรง อาจกวาดเก้าอี้ ส.ส. เกิน 200 ที่นั่ง ยังไม่นับ พรรคอันดับรองลงมาที่ลุ้นเบียดเข้าวินเช่นกัน แต่ใช่ว่าบรรดาพรรคที่เล็กกว่าจะถอดใจ

 

พรรคชาติไทยพัฒนา ภายใต้การนำของ ท็อป “วราวุธ ศิลปอาชา” ทายาทมังกรสุพรรณ “บรรหาร ศิลปอาชา” ประกาศไว้ตั้งแต่ไก่โห่ ว่า “เลือกตั้ง 66 จะไม่ยอมให้สุพรรณบุรีเสียเก้าอี้ ส.ส.ให้กับพรรคอื่นอย่างแน่นอน”

 

รอบนี้พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ถูกแบ่งเขตใหม่ และมีส.ส.เพิ่มอีก 1 คน แต่ชาติไทยพัฒนามองว่าไม่มีอาณาเขตใดที่ตัดทอน “พลัง” ของ พรรคไปได้ และการส่งอดีต ส.ส.ป้องกันแชมป์ทั้ง 5 เขต “วราวุธ” มั่นใจว่า จะได้ส.ส.ยกจังหวัด

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าสุพรรณบุรีฐานที่มั่นของชาติไทยพัฒนา จะไม่มีพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเขต 4 ที่ “เสมอกัน เที่ยงธรรม” ลูกชาย “จองชัย เที่ยงธรรม” มีคู่แข่งคือ “ยุทธนา โพธสุธน” พรรคพลังประชารัฐ หลานชายของ “ประภัตร โพธสุธน" เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา นั่นเอง 

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่


ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 สนามเขต 3 สุพรรณบุรี ร้อนระอุหลังมีการประกาศศึกรุ่นพ่อ ระหว่างตระกูล จากความไม่ลงรอยเรื่องการหลบเขต เมื่อสุพรรณถูกหั่นเหลือแค่ 3 เขต เมื่อ “ประภัตร” ไม่หลีกทางให้ “จองชัย” ที่ต้องการลงชิงเขตเดียวกัน จนจองชัยต้องหาสังกัดใหม่ภายใต้ชายคา “ภูมิใจไทย” ในที่สุดฝ่ายหลังก็พ่ายแพ้ และย้ายกลับรังเก่าในภายหลัง พร้อม “รอยแผลเป็น” และประเด็นที่ค้างคาอยู่ในใจ 

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

ต่อมา คือ นครปฐม ของ “บ้านใหญ่สะสมทรัพย์” โดยรอบนี้วางตัว พาณุวัฒณ์ เขต 3  อนุชา เขต4  เผดิมชัย เขต 6 “ครอบครัวสะสมทรัพย์” จับมือกันเหนียวแน่น ประกาศ “สู้” แบบไม่ประมาท พร้อมส่ง “เด็กในบ้าน” ทั้ง “สจ.ฟิล์ม ศุภโชค ศรีสุขจร ลงเขต 1 และ โรจนินทร์ ศิรรัฐเมธากรณ์ มือขวาของ “พาณุวัฒณ์” ลงเขต 2 

“อนุชา”ตั้งเป้าจะกวาด ส.ส.เกิน 4 คนเข้าสภา หลังจากรอบที่แล้วได้มาแค่ 2 คน เพราะมั่นใจในผลงาน “คนบ้านใหญ่นครปฐม" ไม่ทิ้งพื้นที่ และดูแลแก้ปัญหาให้คนนครปฐมต่อเนื่อง

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

นอกจากนั้น พื้นที่ที่ “วราวุธ” ประกาศปักธงชาติไทยพัฒนา ยังมี ร้อยเอ็ด เขต 1 ของ “อนุรักษ์ จุรีมาศ” - ยโสธร เขต 1 พื้นที่ “วีระศักดิ์ โคตรสมบัติ” กาฬสินธุ์ เขต 5 ของ ประภาส ยงคะวิสัย 

 

พื้นที่อีสาน แม้กระแสจะไม่แรง แต่ "ชาติไทยพัฒนา" พร้อมสู้เต็มที่ เห็นได้จากระยะไม่ถึงเดือน “วราวุธ” ยกทัพใหญ่ ไปช่วยผู้สมัครหาเสียงแถบนี้ถึง 2 รอบ

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

เสมือนไป “ตอกย้ำ” พื้นที่มีหวัง ตามคำสัมภาษณ์สื่อในหลายครั้งว่า “พร้อมทุ่มสรรพกำลังให้กับพื้นที่มีหวังได้ ส.ส.เข้าสภาฯ แทนการหว่านไปทุกพื้นที่ เหมือนเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา”

     

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่เมืองหลวง “กทม.” ชาติไทยพัฒนา ส่งผู้สมัคร 15 คน จาก 33 เขต คาดหวังจะได้อย่างน้อย ส.ส. 1 คนเข้าสภาฯ  โดยเฉพาะอดีต ส.ส. อย่าง “สมเกียรติ ถนอมสินธุ์” ที่ย้ายจาก “ก้าวไกล” เขต 23 บางนา-พระโขนง จะป้องกันแชมป์ได้ เพราะมีแสงในตัว แม้ว่ากระแสพรรคจะไม่ "ว้าว" ในพื้นที่เมืองหลวงก็ตาม

 

อย่างไรก็ดี ยังมีพื้นที่ที่ “พอหวังได้” เช่น เพชรบุรี เขต 1 - “ยุทธพล อังกินันทน์” เชียงราย เขต 4 - อดีตส.ส.สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์​ แต่ยอมรับว่า “เหนื่อย” เพราะคู่แข่งที่เป็น “ส.ส.เจ้าถิ่น” ยังประกาศยึดพื้นที่ และด้วยกระแสของ “เพื่อไทย” ในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ต้องออกแรงแข่งเกิน 100%

ทางด้าน พรรคชาติพัฒนากล้า ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-กรณ์ จาติกวณิช” ที่ทุ่มพลังสู้ ผ่านการวางกำลัง เป็นแม่น้ำ 2 สาย คือ “สายอีสาน-เหนือ” ที่มี “สุวัจน์-เทวัญ ลิปตพัลลภ” บัญชาการรบ 29 เขตเลือกตั้ง และสาย “กทม.-ภาคใต้” ที่ “ทีมกล้า” นำโดย “กรณ์-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ดูแล

สำหรับพื้นที่ที่พรรคชาติพัฒนากล้าคาดหวังได้ คือ “โคราช เขต 1” ที่ส่ง “เทวัญ ลิปตพัลลภ” ทวงคืนพื้นที่ โคราช เขต 2 วัชรพล โตมรศักดิ์ ฐานะแชมป์เก่า โคราช เขต 3 “กำนันเบ้า” สมศักดิ์ กาญจวัฒนา โดยทั้ง 3 เขตชาติพัฒนากล้ามั่นใจว่า “ไม่แพ้” เพราะเป็นฐานเสียงเก่าของ ส.ส.โต วัชรพล ที่ทำพื้นที่ไว้ดี 

แม้เขตเลือกตั้งขยับ แต่ไม่มีผลเสียหายต่อการเรียกคะแนนความนิยม และยิ่งเสริมทัพด้วยเลือดแท้ของคนตระกูลลิปตพัลลภ และ “กำนันเบ้า” จึงเชื่อว่า ในบทบาทคนทำงาน จะทำให้ “คนโคราช คัมแบ็ก กาคะแนนให้ ชาติพัฒนากล้า”

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

จากการวิเคราะห์ถึงคู่แข่ง ที่จะหนักหนาสาหัส ใน 3 เขต ความหวังมีเพียงเขต 1 ที่ต้องสู้กับ ส.ส.เก่า อย่าง “เกษม ศุภรานนท์” จากพลังประชารัฐ แต่เมื่อวัดฐานการเมืองและแรงสนับสนุนแล้ว “เทวัญ” มั่นใจว่าเป็นต่อ

นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่ นครสวรรค์ เขต 6 ที่ส่ง “กำนันอู๊ด-ประสาท ตันประเสริฐ” รองหัวหน้าพรรค  สงขลา เขต 2 “จูรี นุ่มแก้ว” ดาวติ๊กต๊อกที่คนใต้รู้จักกว้างขวาง ภูเก็ต เขต 3 “อรทัย เกิดทรัพย์” และเขต 2 “เทมส์ ไกรทัศน์” ที่คาดหวังได้ 

 

โดยนครสวรรค์ เขต 6 แม้จะเป็นศึกใหญ่ เพราะ “ประสาท” สู้กับ “นิโรธ สุนทรเลขา” อดีต ส.ส.เจ้าถิ่น ที่ย้ายไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติ แต่จากการทำพื้นที่ และอดีตส.ส.หลายสมัย บวกกับเครือข่าย “กองทัพมด” ที่เดินงาน ทำพื้นที่ พ่วงกับกระแสระหว่าง “ฝั่งประชาธิปไตย” กับ “ฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจ” จึงเชื่อว่า คะแนนของ “กำนันอู๊ด” จะตีตื้นและแซงได้ในช่วงโค้งสุดท้าย

‘ชทพ.-ชพก.’หนีสูญพันธุ์    อัปไซส์ ขยายฐานบ้านใหญ่

ขณะที่ ภูเก็ตทั้ง 2 เขต “โพลของพรรค” ประเมินแล้วว่า แม้ตอนนี้จะเป็นรอง เพราะความเป็นคนการเมืองหน้าใหม่ แต่ด้วยกระแส “ประชาธิปัตย์” ที่ลดฮวบ และ ส.ส.ในพื้นที่รอบที่แล้ว ขาดการทำพื้นที่ ทำให้ “ภูเก็ต” ถูกมองว่าเป็น No Man’s Land ดังนั้นกระแส นักการเมืองหน้าใหม่ ทำงานจริง ไม่ทิ้งพื้นที่ อาจตีตื้นความเก๋าในพื้นที่

 

โดยเฉพาะ “เทมส์ ไกรทัศน์” ที่ทำงานในบทบาทนักอาสา ช่วยเหลือคนภูเก็ตมาถึง 3 ปีต่อเนื่อง ขณะที่ “อ้อ-อรทัย” ฐานะนักพัฒนา ภาพลักษณ์อาจารย์ ที่คนท้องที่ตอบรับกับนโยบายพัฒนาท้องถิ่นภูเก็ต จึงคาดหวังว่าจะปักธงชาติพัฒนากล้าในถิ่นภาคใต้ได้

 

ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ที่เคยได้รับเลือกตั้งเข้าสภาฯรอบที่แล้ว ต่างพากันลงพื้นที่หาคะแนน โดยส่วนใหญ่คาดหวังไว้ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะประเมินกระแสของเขตแล้ว แทบจะเอาชนะพรรคการเมืองใหญ่ได้ยาก

 

“ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนากล้า” ตั้งเป้าไว้ว่า จะคว้า ส.ส.25 คน เข้าสภาฯ จากเดิมที่การเลือกตั้งปี 62 “ชาติไทยพัฒนา” มี ส.ส.12 คน ขณะที่ “ชาติพัฒนา” ก่อนจะผนึกเป็น “ชาติพัฒนากล้า” มีส.ส. 4 คน เหตุผลที่ประกาศ “อัปไซส์” เพื่อให้ตรงกับเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิ “เสนอแคนดิเดตนายกฯ”ต่อสภาฯ

ทว่า เป้าหมายนั้น ยังอีกไกล เพราะต้องฝ่าทั้งกระแส และกระสุน ลำพังรักษาฐานที่มั่นเดิม และปักธงให้ได้ในพื้นที่แห่งความหวัง ต้องสู้ให้เกินร้อย

ดังนั้น กลยุทธ์ที่ต้องงัดมาต่อกรพรรคใหญ่ จึงใช้ “พลังกองทัพมด” เดินสายทุกตรอกซอกซอย รวมถึงหมู่บ้าน ตำบล อำเภอในเขตเลือกตั้ง เพื่อขอคะแนน เก็บแต้มตุนไว้ให้ได้เกิน 100 เผื่อในโค้งสุดท้ายอาจต้องปะทะกับ “แรงกระสุน” ที่เป็น “จุดพลิก” ทำให้ “คน-พื้นที่ความหวัง” ก้าวไปไม่ถึง “สภาผู้แทนราษฎร”