"บิ๊กทหาร" หลังม่าน "พรรค 2 ป." เปิดทีม "ขุนพล" ในสมรภูมิเลือกตั้ง

"บิ๊กทหาร" หลังม่าน "พรรค 2 ป." เปิดทีม "ขุนพล" ในสมรภูมิเลือกตั้ง

นี่เป็นทีมงานพรรค “พี่น้อง 2 ป.” ที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง กับสถานการณ์การเมืองนับต่อจากนี้ ที่ประเมินกันว่ายังไม่มีความชัดเจน และมีความผกผันตลอดเวลา

หากพูดถึงเกมการเมืองของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ที่ไม่เป็นสองรองใคร กับบารมีที่สะสมไว้ตั้งแต่รับราชการทหาร ทั้งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้บังคับบัญชา ทำให้ปัจจุบัน มีอดีตทหารเข้ามาช่วยงานพรรคอย่างคึกคัก ตามนโยบาย “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” มุ่งแก้ปัญหาประเทศ

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยอมทิ้งตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมหอบ ส.ส.จำนวนหนึ่ง ย้ายกลับมาอยู่ พปชร. หลังจาก “บิ๊กป้อม” ชักชวนอยู่หลายรอบ โดยกลับมานั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.

ถัดจากนั้นไม่กี่วัน ก็ถึงคิว “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่ยอมเข้าไปปรับความเข้าใจและขอโทษ “บิ๊กน้อย” กับความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อครั้งอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยด้วยกัน และไม่ขอพูดถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่ขอมุ่งมั่นช่วยงาน “บิ๊กป้อม” ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.พะเยา ที่หวังกวาด ส.ส.ยกจังหวัด

ร.อ.ธรรมนัส ให้ความเคารพ “บิ๊กป้อม” ไม่ต่างกับ “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัตน์ ผู้ล่วงลับ หลังเคยได้รับความช่วยเหลือสมัยที่ถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)อายัดบัญชีทรัพย์สิน เมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองปี 2553 ก่อนถูกปลดจากบัญชีดำ จึงกลายเป็นบุญคุณค้ำจุนกันมา

ปัจจุบัน “ร.อ.ธรรมนัส” ประกาศทำตามนโยบายของหัวหน้า พปชร. ด้วยการก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด และพร้อมทำทุกทางเพื่อผลักดันให้ “บิ๊กป้อม” เป็นนายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศ และความเดือดร้อนของประชาชน

สอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” เพิ่งเปิดตัว “บิ๊กแอ๊ด” พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยุค ไทยรักไทย ขุนพลคู่ใจ “ทักษิณ ชินวัตร” และบิ๊กแอ๊ดยังเป็นอดีตประธานภาคอีสาน พื้นที่ฐานเสียงใหญ่ที่สุดของประเทศ

สำหรับ “บิ๊กแอ๊ด” เจ้านายเก่าที่เคยให้ความช่วยเหลือเมื่อครั้ง “บิ๊กป้อม”รับราชการ หลังถูกจับเข้ากรุ หลุดจากไลน์ 5 เสือ ทบ. เหตุเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ลา กระทั่งให้นั่งเก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.ในเวลาถัดมา

เป็นที่รู้กันว่า “บิ๊กแอ๊ด”มีสายตาเฉียบคม และเก๋าเกมการเมือง หลังเคยโชว์ผลงานด้วยการนำ 126 ส.ส.จาก 136 ส.ส ภาคอีสาน เดินเข้าสภาในนามไทยรักไทย ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในการครอบครองของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างเหนียวแน่น

ต้องยอมรับว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พปชร. ช่วงชิงพื้นที่มาได้ไม่มากนัก แม้ในขณะนั้น “บิ๊กอี๊ด”พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)จะมีบทบาทอย่างมากในสนามเลือกตั้งภาคอีสาน และถูกส่งไปเจาะพื้นที่สำคัญ ที่ใช้ทั้งพาวเวอร์ที่มีอยู่ใน ทภ.2 และ เครือข่ายส่วนตัว แต่กระแสความนิยม “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ไม่เคยแผ่ว

มารอบนี้ “บิ๊กป้อม” หวังให้ “บิ๊กแอ๊ด”มาช่วยขันน็อต เพิ่มแทกติกช่วงชิงพื้นที่ภาคอีสานให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น หลัง “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรุยทางไปก่อนหน้านี้แล้ว หวังเจาะเก้าอี้ ส.ส.อีสาน สกัดแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย

“นักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่ต้องคิดเก่งและรู้จักใช้คนเก่ง ผมเป็นคนพูดไม่เก่งแต่ฟังเก่ง และฟังรู้เรื่องด้วย ผมเองไม่รู้ทุกเรื่องแต่ผมมีคนที่รู้จริงอยู่รอบตัว ผมก็ฟัง หาผู้ที่รู้มากกว่าผม มาสอนมาแนะนำการทำงาน ว่าควรจะต้องทำยังไง เอาความรู้มาใส่ในตัวผมให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ” พล.อ.ประวิตร ระบุ

นอกจากนี้ ยังมีพลัง “เตรียมทหารรุ่น 20” นำโดย “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ที่เป็นลูกรักและเลขานุการส่วนตัว “บิ๊กป้อม” และบางส่วนมาช่วยดูแลแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน และการบริหารจัดการน้ำทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ ทั้ง “บิ๊กตู่เล็ก” พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีต ผช.ผบ.ทบ. และ “บิ๊กปั้ม” พล.อ.นภนต์ สร้างสมวงษ์ อดีตรองปลัดกลาโหม

อีกทั้งยังมี “เสธ.โย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงศ์ คนสนิท “บิ๊กป้อม” ที่รับรู้กันในฐานะเสนาธิการประจำตัวของนาย คอยเป็นมือประสานกับ ส.ส.พปชร.และการจัดคิวเข้าพบ รวมทั้งเป็นพลังดูด

\"บิ๊กทหาร\" หลังม่าน \"พรรค 2 ป.\" เปิดทีม \"ขุนพล\" ในสมรภูมิเลือกตั้ง

ในการประชุมสภากลาโหม นัดล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์ ” มีอาการเนือยๆ นิ่งๆ ไม่ได้หยอกล้อ ผบ.เหล่าทัพ เหมือนที่ผ่านมา จึงทำให้บรรยากาศในที่ประชุมค่อนข้างอึมครึม โดยเฉพาะในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พูดขึ้นว่า

“การทำงานบริหารราชการแผ่นดิน หลายเรื่องใช้เวลาทำมาหลายปี แต่ยังไม่เห็นผล ทั้งๆที่สั่งการไปแล้ว แต่ยังไม่คืบหน้า ก็ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนให้สำเร็จต่อไป”

ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศในที่ประชุมสภากลาโหมเงียบสงัด ก่อนจะมาปรี๊ดแตกในวงสัมภาษณ์ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับสบถออกมาว่า “โธ่ เว๊ย” เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้บัญชาการเหล่าทัพในช่วงเลือกตั้ง

“โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องมาสอน ไม่ต้องมาบอกอะไรกันมากมาย รักกันดีทุกคน ไม่มีปัญหา นั่นเรื่องของการเมือง ทหารต้องเข้มแข็ง เพื่อที่จะสร้างอนาคตของเรา ความรักความสามัคคีของเหล่าทัพ” พล.อ.ประยุุทธ์ ระบุ

ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์กันว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์บ่จอย น่าจะมาจากการถูกโดดเดี่ยวจากพรรคการเมืองขั้วเดียวกัน หลังปรากฎภาพแกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมรับประทานอาหารกับ “บิ๊กป้อม” ถึง 2 ครั้งติดๆ จนคอการเมืองคาดการณ์ว่า จะเกิดขั้วการเมืองใหม่ จึงทำเกิดความหวั่นไหวต่อสถานการณ์การเมือง

แต่นั่นเป็นเพียงอาการที่แสดงออกมาภายนอกตามนิสัย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ชอบเก็บอารมณ์ แต่ลึกๆ แล้ว ก็ใส่เกียร์เดินหน้า ไม่มีถอย ในฐานะแคนดิแดตนายกฯ รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูได้จากการใช้ทีมนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ทีมตึกไทยคู่ฟ้า หวังชิงความได้เปรียบทางการเมือง

2 เสธ.คนสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจช่วยงานมากว่า 15 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ทั้งรัฐประหารปี 2549 การชุมนุมทางการเมืองที่สำคัญ โดยทำหน้าที่เป็นมือวางยุทธศาสตร์ เขียนแผนงานระดับฝ่ายเสนาธิการ พร้อมทั้งกลั่นกรองงานต่างๆ และประสานงานพูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้งการเมือง ภาคธุรกิจ และผู้บริหารสื่อมวลชน

คนแรก “เสธ.มิตต์” พล.ท.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ รองหัวหน้าสำนักงานประสานภารกิจทางทหารกับกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ประสานภารกิจทางทหาร สำนักนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม ตท.รุ่น 30 และเป็นนายทหารไปจบ ร.ร.นายร้อยที่ Virginia Military Institute (VMI) สหรัฐอเมริกา เติบโตในเหล่าปืนใหญ่คุมกำลังรบ และเป็นอดีต ผู้การ ป.1 รอ. และเป็นหลานชาย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี

ส่วน "เสธ.เก๋”พล.ท.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงษ์ ตท.31 จปร.42 นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ที่เป็นนายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักงานประสานภารกิจทางทหารกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์ประสานภารกิจทางทหาร สำนักนโยบายและแผนกลาโหม

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” มี “ร.อ.ธรรมนัส” ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็มี “เสธ.หิ ” หิมาลัย ผิวพรรณ ลูกน้องเก่าทหารเสือ เพื่อนร่วมรุ่น ร.อ.ธรรมนัส ตามประกบทำพื้นที่หาเสียงในภาคเหนือเช่นกัน รวมถึงงานลับๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย

นอกจากนี้ ยังมี “เสธ.อ้น” พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา ที่ลาออกจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลัง รทสช. ฉายามือประสานสิบทิศ อีกทั้งยังมีคอนเนคชั่นสายสัมพันธ์อันดีเป็นพิเศษกับเครือข่ายนักการเมืองสายภาคตะวันออก ครอบคลุมไปจนย่านสมุทรปราการ

สำหรับ “เสธ.อ้น” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 19 และ จปร.30 เป็นทหารเสือ ร.21 รอ. เป็นน้องรักอีกคนของ พล.อ.ประยุทธ์ และค่อยช่วยงานมาตั้งแต่สวมเครื่องแบบทหาร ก่อนตัดสินใจลาออกราชการปี 2561 ขณะที่นั่งในตำแหน่งหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เพื่อช่วยสู้ ศึกเลือกตั้งปี 2562 โดยรับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคกลาง

ตลอดจนถึง “เสธ.นิว” พล.อ.นิธิ จึ่งเจริญ ทหารเสืออีกคนเติบโตมาจาก ร.21รอ. ที่ลาออกจากราชการทหารเมื่อปีแล้วด้วยการเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด โดยตำแหน่งสุดท้าย เป็นนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ รมว.กลาโหม ก่อนมาช่วยงาน รทสช.อย่างเต็มตัว

 “เสธ.นิว” เป็นเตรียมทหารรุ่น29 และ จปร.40 อดีต ผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำออสเตรเลีย มีความสนิทสนมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ อ.น้อง นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ ตั้งแต่รับราชการอยู่ในกองทัพบก อีกทั้งมีความสนใจงานภาคเอกชน และนั่งเป็นบอร์ดด้านพลังงาน

และ พล.ต.อภิชาติ ไชยะดา เตรียมทหารรุ่น 28 อดีต ผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำลอนดอน อังกฤษ ทำหน้าที่ดูแลกลั่นกรองงานด้านต่างประเทศ รวมถึง “เสธ.เปิ้ล” พล.ต.เจียรนัย วงศ์สะอาด ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักปลัดกลาโหม เสธ.นุ้ย พล.ท.ฐิตวัชร์ เสถียรทิพย์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี

นี่คือทีมงานหลังม่าน พรรค “พี่น้อง 2 ป.” ที่จะสู้ศึกเลือกตั้งกับสถานการณ์การเมืองนับต่อจากนี้ ที่ประเมินกันว่ายังไม่มีความชัดเจน และมีความผกผันตลอดเวลา