“ก้าวไกล-ประชาชาติ” ยื่นศาล รธน.ฟันซ้ำ “ศักดิ์สยาม” เรียกคืน 4 พันล.

“ก้าวไกล-ประชาชาติ” ยื่นศาล รธน.ฟันซ้ำ “ศักดิ์สยาม” เรียกคืน 4 พันล.

ถึงมือศาล รธน.อีกรอบ! “ก้าวไกล-ประชาชาติ” ผนึกกำลังยื่นฟันซ้ำ “ศักดิ์สยาม” เข้าข่ายผิด รธน. ม.144 หรือไม่ ปมเป็น กมธ.งบฯ ได้ประโยชน์จากร่างงบประมาณปี 63 ขอให้ศาลเรียกคืนเงิน 4 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 หรือไม่ เป็นกรณีเกี่ยวเนื่องกับคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นต่อประธานสภาฯ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม จากกรณีการคงไว้ซึ่งหุ้นส่วน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่

โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คำร้องมาตรา 144 นี้เป็นคำร้องที่ที่พรรคฝ่ายค้าน เคยยื่นต่อประธานสภาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2566 แล้ว ซึ่งได้ยื่นไป 3 มาตรา แต่ครั้งนั้นฝ่ายกฎหมายของสภาตีความว่าความผิดตามมาตรา 144 ไม่อยู่อำนาจประธานสภาที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นเราจึงแยกให้เป็นคำร้อง 2 ฉบับ และวันนี้ที่เรามายื่นก็เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของคำร้องแรก โดยมาตรา 144 นั้นเป็นเรื่องที่ ส.ส. ส.ว. กรรมาธิการ ห้ามกกระทำการใดๆที่ทำให้ตนเองได้ผลประโยชน์จากงบประมาณโดยตรงหรือโดยอ้อม เมื่อผนวกกับความเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่และรับสัมปทานของกระทรวงคมนาคม ดังนั้นไม่ต้องตีความอะไรมากมาย นั่นคือการได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากงบประมาณที่ตนเองดูแล และจะเป็นเหตุผลให้ศาลเห็นว่าการที่นายศักดิ์สยามยังถือหุ้นของบริษัทอยู่จะมีผลปะโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะบริษัทนี้ก็รับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคม 

“ก้าวไกล-ประชาชาติ” ยื่นศาล รธน.ฟันซ้ำ “ศักดิ์สยาม” เรียกคืน 4 พันล.

เมื่อถามว่าประเด็นที่ยื่นนี้ตรงกับที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตรียมยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย มองว่าจะมีน้ำหนักมากพอให้ศาลพิจารณาทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทั้งศาล และองค์กรอิสระคงจะพิจารณาไปตามหลักฐาน คำร้องที่ยื่นไป แต่ด้านของนายชูวิทย์นั้นถือเป็นทิศทางที่ดีที่ภาคประชาชนออกมาแล้วกระตุ้นให้องค์กรอิสระทำงานอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องที่เราร้องก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยามก็ได้ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ส่วนคำร้องวันนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน แต่สิ่งที่อยากจะฝากว่าคำร้องก่อนหน้านี้จะมีผลสืบเนื่อง คือในรัฐธรรมนูญระบุว่า คุณสมบัติของรัฐมนตรีจะต้องไม่เคยถูกถอดถอน หรือวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติในเวลา 2 ปี นั่นหมายความว่าถ้าศาลวินิจฉัยว่านายศักดิ์สยามขาดคุณสมบัติแปลว่านายศักดิ์สยามจะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้อีก 2 ปี

“ดังนั้นเชื่อว่าศาลต้องมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่านายศักดิ์สยามจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ก็ตาม ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นบรรทัดฐานว่าลาออกจากตำแหน่งเพื่อหนี้การตรวจสอบได้ และทำให้ตนเองไม่ขาดคุณสมบัติ ส่วนที่ว่านายชูวิทย์ไปยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยนั้นในส่วนของเราที่มายื่นเป็นในส่วนของตัวรัฐมนตรีโดยเฉพาะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ และตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกล หรือแม้กระทั่งพรรคประชาชาติเราไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองด้วยกฎหมายแบบนี้ การยุบพรรคการเมืองจะเกิดได้ด้วยวิธีเดียวคือให้ประชาชนไม่เลือกพรรคนั้น” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

“ก้าวไกล-ประชาชาติ” ยื่นศาล รธน.ฟันซ้ำ “ศักดิ์สยาม” เรียกคืน 4 พันล.

ส่วน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 144 ตามที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง คือไม่ต้องการให้ ส.ส. กรรมาธิการ ผู้เสนองบประมาณหรือรัฐมนตรี รวมทั้งวุฒิสภา กระทำอื่นใดในการแปรญัตติ หรือกระทำการต่างๆเพื่อให้ ส.ส.หรือกรรมาธิการ ได้ไปซึ่งงบประมาณ โดยกรณีที่นำมายื่นในวันนี้คือการพิจารณางบประมาณปีงบประมาณ 2564 ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2564 และในการพิจารณานายศักดิ์สยามก็โหวตรับงบประมาณ ในวาระ 1-3 ด้วย แต่สิ่งที่เราพบคือการเป็น ส.ส.หรือกรรมาธิการ ของนายศักดิ์สยามนั้น มีบางส่วนที่ทำให้ท่านได้ไปซึ่งการใช้งบประมาณที่ท่านพิจารณาในครั้งดังกล่าวรวมกว่า 372 สัญญา โดยสัญญาหนึ่งก็คือ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 38 สัญญา เป็นเงิน 600 ล้านบาท และมีสัญญาอื่นกับกลุ่มบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย รวม 300 สัญญา เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 4,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในวันนี้เราเรียกร้อง 2 ข้อคือ 1.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการพิจารณางบประมาณ ปละการเป็นกรรมาธิการ การเป็นผู้เสนองบประมาณ รวมทั้งการกระทำอื่นใดนั้น ขัดกับรัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่ และ 2.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินในส่วนดังกล่าวคืน 4,000 กว่าล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

“ผมและนายปกรณ์วุฒิ ไม่ได้โกรธเคืองกับใคร แต่อยากสร้างบรรทัดฐานให้สังคมว่าคนที่มีตำแหน่งทุกตำแหน่งต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าบ้านเมืองขาดความรับผิดชอบในตำแหน่งตำแหน่งหนึ่ง จะทำให้เกิดการวิบัติได้ ดังนั้นในหน้าที่ของ ส.ส.เราได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส. 1 ใน 10 ของ ส.ส.ในสภา โดยมาจากทุกพรรคฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องในครั้งนี้ ซึ่งเราก็เคารพศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะเป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องแรกของรัฐธรรมนูญมาตรา 144 อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นเรื่องบรรทัดฐานของสังคม และหากศาลรัฐธรรมนูญเรียกพยานหลักฐานจากหน่วยราชการอื่นจะยิ่งเห็นได้ชัดเจน เช่นเรื่องเงินทำสัญญา เอาเงินใครเป็นแบงค์การันตี หรือการอ้างว่ามีการโอนเงินมีหลักฐานหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในอุ้งมือหน่วยงานรัฐทั้งหมด ดังนั้นขอให้ศาลค้นหาความจริงในเรื่องเหล่านี้ด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นยังพบอีกว่าในปี 2565 กลุ่มบริษัทดังกล่าวยังได้ร่วมกับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นของรองนายกฯคนหนึ่ง รับงานกว่า 30,000 ล้านบาทในโครงการเดียว และยังมีการบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยด้วย