“องอาจ-เดียร์-เอ้”นำทีม กทม. หาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM2.5

“องอาจ-เดียร์-เอ้”นำทีม กทม. หาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM2.5

พรรคประชาธิปัตย์ ทวงคืนพื้นที่สีเขียวให้คนกรุง ลั่นพร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า มาดามเดียร์ ประกาศสงคราม PM 2.5

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. อาทิ

  • น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตปทุมวัน-สาทร-บางรัก
  • นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตยานนาวา-บางคอแหลม
  • น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตพญาไท-ราชเทวี
  • นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขตบางกะปิ
  • นายจักรวี วิสุทธิผล เขตสวนหลวง
  • น.ส.ณัฐิดา เตาเฟ็ส เขตหนองจอก
  • น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตบางบอน-หนองแขม
  • นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขตจตุจักร

ลงพื้นที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย พบปะพูดคุยและร่วมออกกำลังกายกับประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนสุขภาพ ทั้ง รำไท้เก๊ก แบดมินตัน ฮูลาฮูป ฯลฯ

น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า จุดลงพื้นที่วันนี้เป็นสุสานที่ปรับพื้นที่เป็นสวนให้ประชาชนเข้ามาดูแลสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุในช่วงเช้า และคนวัยรุ่นในช่วงเย็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อย่างดี
  “องอาจ-เดียร์-เอ้”นำทีม กทม. หาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM2.5

 

น.ส.วทันยา กล่าวว่า สวนนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับรัฐเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สอย แต่โดยภาพรวมแล้วพื้นที่ กทม. ยังมีความแออัดและพื้นที่สีเขียวที่ต่ำกว่ามาตรฐานโลกเฉลี่ย 6.1 ตร.ม./คน แต่ประชาชนกรใน กทม. เองยังมีประชากรแฝงที่ไม่ได้ถูกรวมไปในผลสำรวจ ทำให้ความเป็นจริงพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐานมาก พรรคจึงมีแนวทาง เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดฝุ่น ลดอุณหภูมิโลก และเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมให้ประชาชน

 

“องอาจ-เดียร์-เอ้”นำทีม กทม. หาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM2.5

 

 

ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทีมประชาธิปัตย์ กทม. ประกาศสงครามชัดเจนกับ PM 2.5 ทุกวันนี้หายใจไม่ได้แล้วจริงๆ เราจะผลักดันกฎหมายสะอาดให้เร็วที่สุด และกำหนดเขตพื้นที่มลพิษต่ำ ซึ่งต้องได้รับพลังจากประชาชนร่วมสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค เพื่อที่จะเข้าไปสภาปกป้องประชาชนจากฝุ่น ให้คุณให้โทษกับคนที่ไม่รับผิดชอบ และดูแลภาษีให้คนที่ช่วยป้องกันการเกิดฝุ่นพิษ รวมถึงย้ายโรงงานอุตสาหกรรมออกจากเขตเมือง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเบอร์และการแบ่งเขตเลือกตั้งช้าจะเป็นอุปสรรคต่อการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า กฎหมายเป็นอย่างไร พรรคก็พร้อมปฏิบัติตาม ซึ่งเบอร์ที่ต่างกันของพรรคและเขต ผ่านการพิจารณาเป็นกฎหมายไปแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงยาก

ส่วนการแบ่งเขตพื้นที่ใน กทม. ที่ล่าช้า ก็ไม่เป็นปัญหาของพรรค เพราะพรรคทำพื้นที่มาโดยตลอด ทั้งอดีต ส.ข. อดีต ส.ก. หรือ ส.ก. ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้นไม่ว่าจะปรับการแบ่งเขตอย่างไร พรรคก็พร้อมจะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งตามปกติแล้วพรรคจะเตรียมเวทีปราศรัยใหญ่อย่างน้อย 3 ครั้ง