"ชลน่าน" ยันไม่เล่นเกมตัดขา "ศักดิ์สยาม" หลังยื่นศาลรธน.สอบทำผิดรธน.ม.144

          พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรคประชาชาติ, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพส.ส.ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

          ทั้งนี้นพ.ชลน่าน ยืนยันว่าการยื่นคำร้องดังกล่าวไมมีประเด็นใดที่เกี่ยวกับการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้ง แต่เป็นการทำหน้าที่ฐานะฝ่ายค้านฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา เพราะมีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่านายศักดิ์สยาม ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา  144 โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านมั่นใจว่าคำร้องและพยานหลักฐานทีมีศาลรรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ส่วนจะมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาลรรัฐธรรมนูญ

          ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ ตั้งแต่ปี2564 และพบว่ามีความเกี่ยวข้องต่อการพิจารณางบประมาณในส่วนของกรมทางหลวง , กรมทางหลวงชนบท ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การจัดสรรงบซ่อมถนนไปยังพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ นั้นสูงกว่าจังหวัดอื่นๆที่ของบซ่อมถนน เช่น จังหวัดอื่นได้งบ ซ่อม 20 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ 40ล้านบาท อย่างไรก็ดีการตรวจสอบยังพบว่ามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างทีได้งานในจังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีความเกี่ยวพันธุ์กับนายศักดิ์สยาม ทั้งเคยเป็นเจ้าของบริษัท แม้ต่อมาก่อนที่นายศักดิ์สยามจะได้รีบตำแหน่ง รมว.คมนาคม เพียง 23 วัน ได้โอนหุ้นไปแล้ว แต่พบว่าที่อยู่ของบริษัทดังกล่าว ยังเคยเป็นที่อยู่เดียวกันกับนายศักดิ์สยาม ซึ่งถือว่าเป็นความเกี่ยวโยงกัน

          พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 นั้น บริษัทรับเหมาก่อสร้างในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม 563 ล้านบาท , และปี 2564 ได้รับงบ 657 ล้านบาท และปี 2565 ได้รับงบ 527 ล้านบาท  ซึ่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 มีข้อห้ามให้ ส.ส. กรรมาธิการ มีสวนในทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้ได้งบประมาณไปดำเนินการ โดยตามกฎหมายกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาโดยเร็ว