"จุรินทร์" เผย เป็นต้นแบบความสุจริต โว ปชป. กระแสดี คนแย่งลงสมัคร ส.ส.ใต้

"จุรินทร์" เผย เป็นต้นแบบความสุจริต โว ปชป. กระแสดี คนแย่งลงสมัคร ส.ส.ใต้

"จุรินทร์" ชี้ "นายกฯ" มีหน้าที่ช่วยแก้ปัญหา "สภาล่ม" ห่วง ธนกิจการเมือง ทำลาย ปชต. เผย เป็นต้นแบบสุจริต ตามรอย นายชวน โว ภาคใต้ กระแสฟื้น คนแย่งลง ส.ส. เพียบ ส่วนคนอกหักถึงไปอยู่พรรคอื่น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ที่แสดงความเป็นห่วงถึงองค์ประชุมในการประชุมสภาว่า เป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง เพราะนายชวนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีความปรารถนาดีต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งองค์ประชุมสภานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวุฒิสมาชิก ก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นการประชุมเรื่องใด และทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่เข้าร่วมประชุม 

สำหรับในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนทราบภารกิจดีอยู่แล้ว และตนได้หารือกับประธานวิปพรรค นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ มาโดยตลอด เมื่อเช้าก็เพิ่งคุยกันอีกรอบและในส่วนสมาชิกพรรคก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะเราทราบภารกิจเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นสิ่งที่เรากำชับไว้ตั้งแต่วันแรกหลังการเลือกตั้ง 

“ตอนนี้เห็นใจนายชินวรณ์ เพราะนอกจากต้องทำหน้าที่ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังต้องเข้าไปช่วยเติมบทบาทในส่วนของวิปรัฐบาลอย่างเข้มข้นขึ้นด้วย ซึ่งนายชินวรณ์ก็แจ้งให้ผมทราบว่า ท่านก็ยินดี ผมก็บอกว่าช่วยกัน อะไรที่ช่วยกันได้ในนามของพรรคร่วมรัฐบาลก็ขอให้ช่วยกัน แต่การที่จะตามผู้แทนของแต่ละพรรค อันนั้นก็คงเป็นหน้าที่ของผู้แทนแต่ละพรรค” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ส่วนข้อแนะนำของประธานรัฐสภา ที่ให้นายกรัฐมนตรี ไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนหนึ่งด้วยในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร เพราะนายชวนนั้น ท่านก็เป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งในระบบนี้ต้องทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นหากนายกฯ จะช่วยกำชับด้วยอีกแรงนึง ก็จะเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามในส่วนประชาธิปัตย์นั้น เรารู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าเราต้องทำอะไรบ้าง แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ก็ต้องถือว่าในระบบรัฐสภาต้องให้ความร่วมมือกับรัฐสภา ในการที่จะทำให้งานทุกอย่างไปได้ด้วยความราบรื่น เพราะกฎหมายของฝ่ายบริหารก็ต้องเสนอผ่านสภาถ้าสภาไม่เห็นชอบก็ไปต่อไม่ได้ และกฎหมายก็ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของฝ่ายบริหาร ในการที่จะใช้บริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้นฝ่ายบริหารก็ต้องพึ่งรัฐสภา นอกจากพึ่งแล้ว ก็จะต้องกำชับในเรื่องของเสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภาให้เพียงพอด้วยในการที่จะผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ไป 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการยุบสภาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับสัญญาณอะไรแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรจากนายกฯ แต่การเมืองมันไม่แน่นอน อย่างที่นายชวนพูดไว้ ตนเห็นด้วย 100% เพราะมันไม่มีหลักประกันอะไรว่าอุบัติเหตุมันจะเกิดหรือไม่เกิด หรือมันจะเกิดตอนไหน ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมพร้อม พรรคการเมืองก็ต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใกล้เดินหน้าไปสู่การครบวาระของสภาสมัยนี้ มันอาจจะครบ หรือไม่ครบ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ตนคิดว่าทุกพรรคก็ต้องเตรียมตัว พี่น้องประชาชนก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า สำหรับตนแล้ว นอกจากเรื่องขององค์ประชุมสภา หรือการประชุมสภาแล้ว ก็มีเรื่องที่น่าห่วงอีกเรื่องที่สังคมจะต้องตระหนักติดตามใกล้ชิด ก็คือเรื่อง “ธนกิจการเมือง” ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับประเทศ

“ธนกิจการเมือง ทำลายประเทศมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว การประมูลตัว ส.ส. การประมูลตัวผู้สมัคร เพราะสุดท้ายก็เป็นที่มาของการถอนทุน แล้วนำไปสู่การทุจริต คอร์รัปชั่น และเป็นเรื่องที่นอกจากทำลายประเทศแล้ว ยังทำลายประชาธิปไตยในที่สุด เรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นอีกเรื่องนอกจากเหนือจากเรื่องความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมือง ที่ผมคิดว่าคนไทยทั้งประเทศต้องจับตา และให้ความสำคัญ แล้วต้องไม่เลือกนักการเมืองที่คนอื่นเขามาประมูลตัวได้ผมขออนุญาตฝากไว้ และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันตระหนักเป็นพิเศษ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

พร้อมกับย้ำว่า ตนเป็นห่วงเรื่องภัยคุกคามใหญ่ของระบอบประชาธิปไตยประเทศ ณ เวลานี้ และตนเป็นห่วงว่า นอกจากทำลายประเทศระยะยาว ทำให้เกิดการถอนทุน การทุจริต คอร์รัปชั่นแล้ว ยังทำลายประเทศในภาพรวมระยะยาวต่อไปด้วย และทำลายประชาธิปไตยด้วย เพราะประวัติศาสตร์มันสอนเรา 

“ธนกิจการเมืองรุ่งเรืองเมื่อไหร่ ใช้เงินประมูลตัว ส.ส. เมื่อไหร่ ใช้เงินเป็นปัจจัยหลักในการซื้อตัวคนนั้นคนนี้มาลงรับเลือกตั้ง ทุ่มเทเงินมหาศาล สุดท้ายถอนเงินคืน ทุจริตกันบานเบอะ อันนี้คือประวัติศาสตร์มันสอนเราไว้ เราไม่อยากเห็นสิ่งนี้เกิดอีก แล้วก็อยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้ายืดยาวได้ ไม่เช่นนั้นการคอร์รัปชั่น การถอนทุนคืน จะกลายเป็นเงื่อนไขกล่าวอ้าง แล้วนำไปสู่สิ่งที่เราไม่อยากเห็นเกิดขึ้นอีก ประวัติศาสตร์มันบอกเรา นอกจากผมห่วงเรื่องประชุมสภาแล้ว ผมก็ห่วงเรื่องนี้ ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้ย้อนยุคกลับไปอีก ประชาชนต้องเป็นผู้ต้องติดตาม และไม่สนับสนุนสิ่งนี้ ใครที่ถูกประมูลตัวซื้อไป ก็ต้องไม่เลือก ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับพี่น้องประชาชน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่มีผลโพลออกมาว่า นายจุรินทร์ เป็นนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริตนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องขอบคุณโพล แต่ความซื่อสัตย์ สุจริตทั้งหมดจะต้องสะสม แล้วก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ ไม่ใช่จะได้มาภายในวันเดียว 

“นักการเมืองทุกคน หรือผู้ที่จะพิสูจน์ความซื่อสัตย์ สุจริตได้นั้น ก็ต้องใช้วันเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง ผมเองผมก็ชัดเจนในทิศทางของตัวเองมาตั้งแต่ต้นว่า เราต้องการเดินแนวทางอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์ สุจริต แล้วเราก็ไม่มีทางที่จะไปเขว นอกเส้นทาง เพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ และทนทานต่อการพิสูจน์เสมอ ในทุกสถานการณ์ ในทุกวันเวลา ผมมั่นใจว่าสมาชิกประชาธิปัตย์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก็เดินตามแนวนี้ นายชวน ก็เป็นอีกคนที่เป็นต้นแบบ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าเป็นต้นแบบได้เช่นกัน และ 7 คนที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่ 8 ผมก็เดินตามต้นแบบที่เป็นบรรพบุรุษของพรรคมา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะการยืนหยัดอุดมการณ์ประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต ยังเป็นอุดมการณ์ของประเทศ ที่ประเทศควรยึดถือด้วย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะเดินไปตามแนวทางนี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหนียวแน่นระหว่างพรรคร่วม โดยเฉพาะประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ในเรื่องกฎหมายกัญชา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และการร่วมรัฐบาลนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลก็ทราบภารกิจดีอยู่แล้วประชาธิปัตย์ก็ทราบภารกิจดีอยู่แล้ว ตนก็พูดเสมอว่าเรารู้หน้าที่ของเราในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราเคยเป็นมาแล้วหลายยุค ทั้งการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเราก็เคยเป็นมาหลายยุคดังนั้น การทำงานร่วมกันในฐานะรัฐบาลผสม เราจึงรู้หน้าที่ดี 

ส่วนกรณีกัญชานั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า กรณีนี้มันไม่ใช่เรื่องของกฎหมายรัฐบาลแต่เป็นเรื่องกฎหมายพรรคการเมือง และเป็นนโยบายเฉพาะของบางพรรคการเมือง ซึ่งเราก็ต้องเคารพในนโยบายของเขา แต่จะให้ทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาเคารพนโยบายของพรรคการเมืองเฉพาะพรรค มันจะไปกะเกณฑ์อย่างนั้นไม่ได้เสมอไป เว้นแต่ว่าเป็นนโยบายรัฐบาล เพราะถ้าเป็นนโยบายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเคารพ และต้องเดินหน้าไปตามนั้น 

“เรื่องกัญชา นโยบายรัฐบาลชัดอยู่แล้ว แถลงต่อรัฐสภาผูกพันไปชัดเจนแล้วว่า สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ และถ้าเป็นเศรษฐกิจ ก็เป็นเศรษฐกิจเพื่อการแพทย์เท่านั้น ไม่มีเรื่องเสรี ไม่มีเรื่องสันทนาการ หรือนันทนาการ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็เดินไปตามแนวนี้ อะไรที่นอกเหนือไปจากขอบเขตอันนี้เราก็เป็นสิทธิ์ในการที่เราจะไม่เห็นด้วยได้ เพราะมันไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เป็นแค่นโยบายพรรคการเมือง หรือบางพรรคการเมือง หรือจะเป็น หรือไม่เป็นก็สุดแล้วแต่ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์มีหลัก มีเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินใจอยู่แล้ว ที่ถามว่าแล้วในฐานะพรรคร่วมมีปัญหามั้ย ไม่มี เราแยกออกว่าอันไหนนโยบายรัฐบาล อันไหนไม่ใช่นโยบายรัฐบาล” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่มีสมาชิกพรรคลาออกเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้สมัครของพรรคนั้นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ขอตอบ เพราะเคยพูดไปแล้วว่า เรื่องคนเข้า คนออก มีทุกพรรค และแต่ละคนแต่ละฝ่ายก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน ไม่ใช่หมายความว่าถ้ามีคนเข้าแล้วจะ 1-2-3 หรือถ้ามีคนออกแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตนคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน เมื่อพรรคตัดสินใจที่จะส่งนาย ก แล้วนาย ข ไม่ได้รับการพิจารณา ก็เป็นสิทธิ์ของ นาย ข ที่จะย้ายพรรค หากเขาประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งอีก 

“เรื่องปักษ์ใต้ ได้สะท้อนข้อนึงว่า ความนิยมของพรรคยังดีอยู่ ผมมั่นใจว่าดีขึ้นเป็นลำดับ ถึงมีคนแย่งกันลง เมื่อมีคนแย่งกันลง ปัญหาใหม่ก็ตามมา การเมืองมี 2 ด้านเสมอ 1. สะท้อนว่าพรรคมีคะแนนนิยมดี มีคนอยากลง เขตนึงมีคนสนใจแย่งกันลง 2 คน 3 คน แต่มันก็จะมีอีกมุมคือ คนที่พรรคไม่ตัดสินใจเลือกให้ลงก็อาจจะไม่พอใจ ก็ต้องไปอยู่พรรคอื่น อันนี้เป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองปกติ เกิดได้กับทุกพรรค” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

พร้อมกับเสริมว่า ตนไม่มีความกังวล เพราะพรรคมีเป้าหมายชัดเจนแน่นอนว่าเขตไหนเป็นเขตเป้าหมาย และเราจะได้มากกว่าเดิมในพื้นที่ไหนอย่างไร เพราะฉะนั้นทั้งหมดยังไม่มีผลกระทบอะไร