ป.ป.ช.เซ็น MOU กับ ตร.เชื่อมโยงข้อมูลคดี เพิ่มประสิทธิภาพป้องปราบโกง

ป.ป.ช.เซ็น MOU กับ ตร.เชื่อมโยงข้อมูลคดี เพิ่มประสิทธิภาพป้องปราบโกง

ป.ป.ช.ลงนามความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับ ตร. เพิ่มความสะดวกในการบันทึกข้อมูลคดี บูรณาการ-เพิ่มประสิทธิภาพป้องปราบทุจริต

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลคดีทุจริตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ช. โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.

การลงนาม MOU ดังกล่าว สืบเนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่กำหนดให้ภาครัฐเชื่อมโยงการให้บริการสาธารณต่าง ๆ ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ โดยให้มีระบบการบริหารจัดการข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ นำไปสู่การวิเคราะห์การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อราชการได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ 

ประกอบกับสำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการปฏิรูปกลไกและกระบวนการต่าง ๆ ของการปราบปรามการทุจริตทั้งระบบให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว การบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการปราบปรามการทุจริตโดยมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัยในการพัฒนากลไกการดำเนินงาน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลในระบบราชการเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีนโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ช. พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลคดีทุจริตเพื่อให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องได้เชื่อมโยงข้อมูลการปฏิบัติงานร่วมกัน ปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ป.ป.ท. เป็นต้น

ป.ป.ช.เซ็น MOU กับ ตร.เชื่อมโยงข้อมูลคดี เพิ่มประสิทธิภาพป้องปราบโกง

สำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะส่งผลให้เกิดความสะดวกในการบันทึกข้อมูลคดี รวมถึงฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับคดีทุจริตที่ได้รวบรวมจัดเก็บไว้ ไปใช้ในภารกิจการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงาน ภายใต้ขอบเขตอำนาจกฎหมายของทั้งสองฝ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้รวดเร็วและสมบูรณ์ถูกต้องมากยิ่งขึ้น