จังหวะคดีพี่น้อง “ชินวัตร” จุดพลิก-จุดอ่อน แลนด์สไลด์ ?

จังหวะคดีพี่น้อง “ชินวัตร”  จุดพลิก-จุดอ่อน แลนด์สไลด์ ?

ทั้ง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” มองเกมทะลุว่า “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ต้องการโจมตีมาที่ตัวเอง เพื่อชำแหละแผลให้สะเทือน “เพื่อไทย” จึงบลั๊ฟกลับด้วยหลักนิติธรรมที่ไม่ยุติธรรมจริง

เมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง กลเกมบนดิน-ใต้ดินทุกรูปแบบจะถูกงัดมาต่อสู้ เพื่อช่วงชิงแต้มทางการเมือง การดิสเครดิต “คู่แข่ง-คู่แค้น” เป็นหนึ่งในยุทธวิถีตัดแต้ม-ชิงคะแนนนิยม

ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่าโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ เมื่อปี 2554 โดยคดีนี้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลผิด ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้องเมื่อต้นเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา และศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองไทยกำลังคุกรุ่น “พรรคเพื่อไทย” เซ็ตอัพจัดทัพ ตั้งเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ทั้งแผ่นดิน แต่เหมือนจะมีขวากหนามสำคัญเป็น “สารพัดคดี” ปักหลัง “คนชินวัตร” เอาไว้

ยกตัวอย่างแค่กรณี “นารีขี่ม้าขาว” ปัจจุบันตกเป็น “จำเลย” คดีที่ถูกศาลฎีกาฯ “ออกหมายจับ” อย่างน้อย 3 คดี สิ้นสุดไปแล้ว 1 คดี ได้แก่

1.คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และการทุจริตในโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตแรก (ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี แต่ “ยิ่งลักษณ์” หลบหนี คดีถึงที่สุด)

2.คดีถูกกล่าวหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาในโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท (อยู่ระหว่างการไต่สวน)

3.คดีล่าสุด กรณีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นเลขาธิการ สมช.ไปแขวนตำแหน่งในที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ โดยมิชอบ (อยู่ระหว่างการไต่สวน)

ทั้ง 3 คดีล้วนเป็นคดีใหญ่ที่สาธารณชนให้ความสนใจ โดยเฉพาะคดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องหลุดจากตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2557 ตามการร้องของ “ซามูไรกฎหมาย” ไพบูลย์ นิติตะวัน แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. (ขณะนั้น ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ)

กลายเป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุเกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อ 22 พ.ค. 2557 พลิกโฉมหน้ากระดานการเมืองไทยมาจนถึงปัจจุบัน

แต่วิบากกรรมของ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะปัจจุบันยังตกเป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. อีกอย่างน้อย 3 คดีด้วยกัน ได้แก่

1.คดีกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กรณีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว

2.คดีกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กรณีครอบครองนาฬิกาเรือนละ 2.5 ล้านบาท ปรากฏคำให้การในศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ “ทักษิณ ชินวัตร” 4.6 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ได้มีการแจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯเมื่อปี 2554

3.คดีกล่าวหาว่ามีส่วนในการทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง (ร่วมกับทักษิณ ชินวัตร, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์, บุญทรง เตริยาภิรมย์)

โดยเฉพาะคดีระบายข้าวจีทูจีที่ว่ากันว่า สรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมชงเข้าที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อชี้ขาดในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคย “ตีตก” คดีกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” ไปแล้วอย่างน้อย 8 คดีด้วยกัน ได้แก่

1.กรณีกล่าวหาว่าบริหารจัดการน้ำผิดพลาดจนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

2.กรณีกล่าวหาว่าใช้ให้สำนักงาน กศน.จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี

3.กรณีกล่าวหาประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ควบคุมม็อบ กปปส.ระหว่างปี 2556-2557

4.กรณีกล่าวหาร่วมกับ ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.กู้เงินฯ บริหารจัดการน้ำ

5.กรณีกล่าวหาร่วมกับ ครม.อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง

6.กรณีละเว้นไม่ลงโทษ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” เมื่อครั้ง รมว.มหาดไทย ร่วมปราศรัยกับแกนนำแดง ยุยงแบ่งแยกประเทศ

7.กรณีกล่าวหาไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. ในการเปิดเผยราคากลางจัดซื้อจัดจ้าง

8.กรณีกล่าวหาเผยแพร่ภาพและเสียงรายการ “มวยไทยวอริเออร์” ที่มีภาพ “ทักษิณ” กล่าวเปิดงาน

ขณะเดียวกันวิบากกรมของ “ทักษิณ” ที่มีชนักปักหลังเป็น “หมายจับ” 4 ใบ จากการหลบหนีไม่ฟังคำพิพากษา หมดอายุความไป 1 คดี (กรณีที่ดินรัชดาภิเษก)

โดยยังเหลืออีก 3 คดี รวมโทษจำคุก 12 ปี ได้แก่ คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว จำคุก 2 ปี คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลสหภาพพม่า จำคุก 3 ปี และคดีให้บุคคลอื่น (นอมินี) ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยชินคอร์ปฯ เข้าทำสัญญาหน่วยงานรัฐ จำคุก 5 ปี

โดยภายหลังโดนออกหมายจับคดีโยกย้าย “ถวิล” ฟากฝั่ง “ยิ่งลักษณ์” แก้เกมกลับด้วยการทวีตข้อความ เพื่อสื่อสารกับแฟนคลับ-ฐานเสียงว่า “มีประเทศไทยประเทศเดียว ที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียว แล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ”

เช่นเดียวกับ “ทักษิณ” กล่าวในรายการ CareTalk x Care ClubHouse ตอนหนึ่งว่า การออกหมายจับอดีตนายกฯ (ยิ่งลักษณ์) โทษฐานย้ายข้าราชการ สะท้อนถึงหลักนิติธรรมที่ไม่ดี ส่งผลให้ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนด้วย

“ถ้าคนไม่เชื่อถือในระบบนิติธรรมของประเทศไหนแล้ว เขากลัวการจะเอาเงินสินทรัพย์ไปฝากไว้ที่ประเทศนั้น ถ้าวันนี้ประเทศไทยยังไม่ปรับปรุงหลักนิติธรรม ยังใช้องค์กรอิสระเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ ผลสุดท้ายบ้านเมืองจะพังคามือพวกบ้าอำนาจ”

ทั้ง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” มองเกมทะลุว่า “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ต้องการโจมตีมาที่ตัวเอง เพื่อชำแหละแผลให้สะเทือน “เพื่อไทย” จึงบลั๊ฟกลับด้วยหลักนิติธรรมที่ไม่ยุติธรรมจริง

หลังจากนี้ต้องจับตาว่า คดีของ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” จะถูกนำมาขยายแผล เพื่อสกัดกระแสแลนด์สไลด์ของ “เพื่อไทย” อีกหรือไม่ รวมถึงฝั่ง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” จะแก้เกมกลับอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่าทั้งสองพี่น้องเป็นจุดแข็ง-จุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย