“ประวิตร”รีแบรนด์ พปชร.ไปต่อ ชู“นโยบาย”ลบจุดอ่อน“ทีมเศรษฐกิจ”

“ประวิตร”รีแบรนด์ พปชร.ไปต่อ  ชู“นโยบาย”ลบจุดอ่อน“ทีมเศรษฐกิจ”

นับจากนี้ ความเคลื่อนไหวของ “ทีมพลังประชารัฐ-ทีมป่ารอยต่อ” ได้เริ่มเซ็ตอัพทางการเมือง เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพยายามยืนด้วยกำลังภายในของตัวเอง ไม่หวังพึ่งกระแสนายกฯ ประยุทธ์ ที่สัญญาณชัดเจนแล้วว่า จะหอบผลงานนโยบายประชานิยม ไปปักหลักในพรรคใหม่

ชั่วโมงนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะขับเคลื่อนพรรคต่อ แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ยังไม่ประกาศชัดเกี่ยวกับอนาคตทางการเมือง 

อ่านเกมตามหน้าเสื่อ ไม่น่าจะมีอะไรพลิกโผ สถานีต่อไปของ “ประยุทธ์” คือพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มี “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั่งหัวหน้าพรรค แถมล่าสุดแต่งตั้ง “สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี นั่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำให้ความเคลื่อนไหวยิ่งชัดเจนขึ้น

ฟากฝั่ง “ประวิตร” แม้รู้ดีว่ากระแสนิยมพรรคพลังประชารัฐตกต่ำ และหากไม่มี “ประยุทธ์” คะแนนนิยมจะลดฮวบลงไปอีก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่ชื่อของ “ประยุทธ์” ยังมีความนิยมนำโด่งเหนือชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากค่ายอื่น

ตรงกันข้ามกับชื่อของ “ประวิตร” แทบจะขายไม่ได้ในทุกพื้นที่ จะมีหลังพิงก็แค่บารมี ที่ยังพอให้คุณให้โทษ “ตระกูลบ้านใหญ่” ได้ในระดับหนึ่ง จึงทำให้พอมี “ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.” ที่มีแสงในตัวเองไว้เก็บแต้มในพื้นที่

เมื่อ “ประวิตร” ต้องการไปต่อ เมื่อ “ทีมป่ารอยต่อ” ยังไม่พร้อมที่จะลงจากอำนาจ จึงจำเป็นต้องเซ็ตขบวนกันใหม่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐให้เป็นระบบ และฟื้นกระแสพรรคโดยเร็วที่สุด

ล่าสุด “ประวิตร”วางนโยบายขับเคลื่อนและสานต่อ 3 พันธกิจหลัก ที่ประกอบด้วย 1.สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ 2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม 3.สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน

นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ที่ประกอบไปด้วย 1.นฤมลภิญ โญสินวัฒน์ 2.สุรสิทธิ นิธิวุฒิวรรักษ์ 3.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.พรชัย ตระกูลวรานนท์ 5.ชวน ชูจันทร์ 6.นัทธี ถิ่นสาคู  7.อรรถกร ศิริลัทธยากร 8.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 9.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ 10.สุรดา จุนทะสุตธนกุล 11.ปรมะ บุญเขื่อง

พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการ แยกตามพันธกิจหลักของพรรค ประกอบด้วย 

คณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ ประกอบด้วย 1.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล 2.นัทธี ถิ่นสาคู 3.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 4.สุรดา จุนทะสุตธนกุล

คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ ประกอบด้วย 1.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ 2.ชวน ชูจันทร์ 3.วีระกร คำประกอบ 4.ภาคิน สมมิตรธนกุล

คณะกรรมการขับเคลื่อนสังคมประชารัฐ ประกอบด้วย 1.พรชัย ตระกูลวรานนท์ 2.ชวน ชูจันทร์ 3.สุทา ประทีป ณ ถลาง 4.อรรถกร ศิริลัทธยากร 5.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา 6.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ 7.กานต์ กิตติอำพน 8.ปรมะ บุญเขื่อง 9.เกณิกา อุ่นจิตร์ 10.รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 11.แสนหล้า พันธุ์ราดล 12.นิธิวุฒิ โรจน์ประสิทธิ์พร

โดย “ประวิตร” เปิดทางให้ ส.ส.พลังประชารัฐ ในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามอุดมการณ์วัตถุประสงค์ของพรรค

ทว่า เมื่อไล่เช็คชื่อโครงสร้าง “ทีม 3 พันธกิจหลัก” แทบไม่มีชื่อ “แกนนำพลังประชารัฐ” ในสายอื่นเลย โดยเฉพาะ “ทีมประยุทธ์” และ “กลุ่มสามมิตร” แต่กลับปรากฏชื่อของ “ทีมป่ารอยต่อ” ที่นำโดย “นฤมล” ซึ่งพยายามเข้ามามีบทบาทนำในด้านเศรษฐกิจ

มีกระแสข่าวว่า ที่ผ่านมา “ทีมป่ารอยต่อ” พยายามเปิดดีล “บิ๊กเนมเศรษฐกิจ” ให้มาช่วยงาน แต่โดนปฏิเสธไปหลายราย เนื่องจากแบรนด์พรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างมีปัญหา จึงไม่อยากเอาชื่อเสียงมาเสี่ยง

จึงทำให้ “ทีมป่ารอยต่อ” ต้องคิดยุทธวิธีใหม่ ไม่เน้นจุดขายที่ตัวบุคคล เพราะ “บิ๊กเนมเศรษฐกิจ” ที่พอจะมีจุดขายทางการเมือง มีหลักมีแหล่ง มีพรรคการเมืองสังกัดหมดแล้ว 

ลำพังชื่อของ “นฤมล” ยังไม่ป็อบปูลาร์พอที่จะดึงคะแนนนิยมได้ “ทีมป่ารอยต่อ” จึงเคาะจบ โดยหันไปเน้น “ทีมนโยบาย” เพื่อปิดจุดอ่อน 

โดยหลังจากนี้ “ทีมนโยบาย” จะทยอยเปิดนโยบายต่อสาธารณะมากขึ้น ทำงานควบคู่กับ “ทีมประชาสัมพันธ์” ที่มี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา คอยดูแลงานโซเชียลมีเดียและสื่ออยู่

นับจากนี้ ความเคลื่อนไหวของ “ทีมพลังประชารัฐ-ทีมป่ารอยต่อ” ได้เริ่มเซ็ตอัพทางการเมือง เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพยายามยืนด้วยกำลังภายในของตัวเอง ไม่หวังพึ่งกระแสนายกฯ ประยุทธ์ ที่สัญญาณชัดเจนแล้วว่า จะหอบผลงานนโยบายประชานิยม ไปปักหลักในพรรคใหม่