“ก้าวไกล” ร้องผู้ตรวจฯ พักประกาศ สธ.ปลดล็อกกัญชา ชี้ไม่เป็นไปเพื่อการแพทย์

“ก้าวไกล” ร้องผู้ตรวจฯ พักประกาศ สธ.ปลดล็อกกัญชา ชี้ไม่เป็นไปเพื่อการแพทย์

“หมอวาโย-ชัยธวัช” นำทีม “ก้าวไกล” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน พักประกาศ สธ.ปม “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด ชี้ไม่เป็นไปเพื่อการแพทย์อย่างแท้จริง พบเจอผสมในอาหารเกลื่อน แนะใช้ประกาศฉบับปี 63 แทน ระหว่างรอ “กฎหมายกัญชา” ผ่านสภา

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายจากกรณีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ซึ่งมีผลในการปลดล็อกกัญชาออกจากเป็นพืชยาเสพติด

นายวาโย กล่าวว่า หลังจากมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อคกัญชาออกจากเป็นพืชยาเสพติด แม้ว่าจะมีการควบคุมกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม แต่เด็ก และเยาวชน  มีการเข้าถึงกัญชากันอย่างแพร่หลายไม่เว้นแม้แต่สถานศึกษา ทำให้สะท้อนเห็นภาพสภาพบังคับของ พ.ร.บ.ส่งเสริมการแพทย์แผนไทย ที่ยังไม่สามารถทำให้เกิดสภาพบังคับที่แท้จริงของกฎหมายได้ ดังนั้นต้องมองกลับไปที่ต้นตอของปัญหาว่าประกาศของกฎกระทรวงสาธารณสุขซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยตรงจาก รมว.สาธารณสุข จากความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส.มีปัญหาหรือไม่

นายวาโว กล่าวอีกว่า โดยพรรคก้าวไกลพิจารณาเห็นว่าเป็นปัญหา เพราะว่าเป็นประกาศที่ออกตามความประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งหมายเจตนารมณ์เพื่อควบคุมการใช้ และปราบปรามยาเสพติด แต่ตัวประกาศปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ขัดกับกฎหมายหลักที่ต้องการควบคุม และปราบปรามยาเสพติด ที่กำหนดให้สารสกัดในปริมาณใดปริมาณหนึ่งเป็นยาเสพติด แต่สารที่นำมาตั้งต้นไม่เป็นยาเสพติดจึงเป็นเรื่องที่ขัดกัน

นายวาโย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวยังมีผลกระทบระดับนานาชาติ เพราะประเทศไทยผูกพันธ์ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศในอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 ที่บัญญัติว่าประเทศภาคีสมาชิกย่อมให้ความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด และสามารถใช้กัญชาในกรณีวิทยาศาสตร์ และเพื่อการแพทย์เท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติในประเทศไทยทีทนำกัญชามาผสมลงไปในอาหาร ไอศกรีม ซอส และยังมีภาพโฆษณาโดยตัว รมว.สาธารณสุข ตามที่ปรากฏในสื่อ ซึ่งคิดว่าวงการแพทย์คงไม่คิดว่าการนำกัญชาใส่ลงไปในอาหารจะเป็นการใช้ในทางแพทย์ได้อย่างไร  และอาจมีความสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดข้อครหา หรือเป็นผลกระทบในเชิงนานาชาติได้

ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้มีการอภิปรายรวมถึงได้มีการเสนอแนะต่อ รมว.สาธารณสุข ขอให้ถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 ออกไปก่อน และให้สามารถกลับไปใช้ประกาศฉบับลงวันที่ 8 ธ.ค.2563 ได้ ซึ่งประกาศตัวนี้น่าจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย และเจตนารมณ์ของรมว.สาธารณสุข ที่ต้องการปลดล็อกกัญชาออกจากพืชยาเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงขอผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องไปยังศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว โดยการพักใช้ตัวประกาศฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 ไปก่อน และนำประกาศวันที่ 8 ธ.ค.2563 มาใช้ได้ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อทางการแพทย์โดยแท้จริง และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่แพทย์ได้จ่ายยาที่เกี่ยวกัญชาสามารถยังคงใช้อยู่ได้ 

ส่วนข้อกังวลที่มองว่าจะทำให้ผู้ที่ครอบครองกัญชาจะมีความผิดหรือไม่นั้น นายวาโย กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมองว่าตามพ.ร.บ.ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กำหนดให้การครอบครองกัญชา การซื้อหรือการวิจัยต้องมีการขออนุญาตตามพ.ร.บ.ดังกล่าว ดั้งนั้นหากดำเนินการตามขั้นตอนก็มีความผิด อย่างไรก็ตามการมายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ ถือว่าเป็นการกันไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำคู่ขนานกับสภา ถ้าสภามีกฎหมายออกมาบังคับใช้ก่อน และควบคุมได้ดีก็ว่ากันไป แต่ถ้ากฎหมายไม่สามารถออกจากสภาได้หรือออกมาบังคับใช้ไม่ดี อย่างน้อยก็ให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชน