ตีความ กม.คนละฉบับ ป.ป.ช.แจงปมยื่นทรัพย์สิน-วาระ 8 ปี “นายกฯ” เทียบกันไม่ได้

ตีความ กม.คนละฉบับ ป.ป.ช.แจงปมยื่นทรัพย์สิน-วาระ 8 ปี “นายกฯ” เทียบกันไม่ได้

เลขาฯ ป.ป.ช.ยกคำพูด “วิษณุ” แจงปม “บิ๊กตู่” ยื่นทรัพย์สินตอนเป็นนายกฯปี 62 กับวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี คนละเรื่อง ตีความกฎหมายคนละฉบับ เทียบกันไม่ได้

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 170 ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งนายกฯไม่ครบ 8 ปี และให้นับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในเมื่อเริ่มนับวาระดำรงตำแหน่ง 6 เม.ย. 2560 แล้วทำไมในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯเมื่อปี 2562 ถึงไม่มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากเป็นการเข้ารับตำแหน่งแบบขาดตอนนั้น

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนี้ว่า เป็นเรื่องการตีความกฎหมายคนละฉบับกัน ในส่วนของ ป.ป.ช. ตีความตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ส่วนเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการตีความตามรัฐธรรมนูญ

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ประเด็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยอธิบายไว้แล้วว่า เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี เป็นคนละเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวกัน

“อย่างที่อาจารย์วิษณุเคยพูดไปแล้วว่า การวินิจฉัยแต่ละองค์กรแตกต่างกัน กฎหมาย ป.ป.ช.ตีความเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ส่วนรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นคนละส่วนกัน” นายนิวัติไชย กล่าว