“วิรุฬห์-จิรนิติ” 2 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ฝ่ายข้างมากให้ประยุทธ์ไปต่อ

“วิรุฬห์-จิรนิติ” 2 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ฝ่ายข้างมากให้ประยุทธ์ไปต่อ

เปิดชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6 เสียงให้ “ประยุทธ์” ได้ไปต่อ รอดพ้นบ่วงวาระนายกฯ 8 ปี เผย “วิรุฬห์-จิรนิติ”อยู่ฝ่ายเสียงข้างมาก หลังจากก่อนหน้า อยู่ฝ่ายชี้ควรให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาหารือเพื่อลงมติ กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของฝ่ายค้าน ไปให้วินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ กรณีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาครบกำหนด 8 ปี ระหว่าง 24 ส.ค. 2557-24 ส.ค. 2565 หรือไม่ 

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง เห็นว่า ให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 คือวันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรคสี่

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก 6 ราย ที่ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี ได้แก่

  1. นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 
  2. นายปัญญา อุดชาชน 
  3. นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 
  4. นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
  5. นายจิรนิติ หะวานนท์
  6. นายวิรุฬห์ แสงเทียน

ส่วนเสียงข้างน้อย 3 ราย ที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปีแล้ว ได้แก่

  1. นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 
  2. นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ
  3. นายนภดล เทพพิทักษ์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายวิรุฬห์ แสงเทียน ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในฝ่ายเสียงข้างมากที่รับคำร้อง และมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่คราวนี้ได้ลงมติอยู่ฝ่ายเสียงข้างมากที่ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี

โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ 

เสียงข้างมาก 5 เสียง เห็นว่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายจิรนิติ หะวานนท์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์

เสียงข้างน้อย 4 เสียง เห็นว่า ไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์