“เสรีพิศุทธ์” มองกระแสล้ม กม.ลูกไม่ดี สั่งลูกพรรคประชุมทุกครั้ง แพ้ช่างมัน

“เสรีพิศุทธ์” ยัน “เสรีรวมไทย” ไม่กั๊ก สั่งลูกพรรคประชุมสภาปม กม.ลูก ส.ส.ทุกรอบ แพ้ก็ช่างมัน มองกระแสล้มกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดี ชี้ “ประยุทธ์” พ้นเก้าอี้ปมนายกฯ 8 ปีแน่ เหตุ รธน.ระบุชัด เด็ก ม.6 ยังอ่านได้รู้ได้ เตือน ภท.-ปชป.ออกจากพรรคร่วม ไม่งั้นผิดด้วย

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกระแสการล้มประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ว่า ส.ส. เป็นอิสระไม่สามารถที่จะควบคุมครอบงำได้ แต่ในพรรคเสรีรวมไทยมีมติยืนยันว่าต้องเข้าร่วมประชุมตามหน้าที่ เพื่อลงมติให้อย่างหนึ่งอย่างใดผ่าน โดยยืนยันว่าไม่เป็นการเล่นเกมทางการเมือง

“เราไม่มีสั่งให้ลูกพรรคไม่ต้องเข้านะ หรือให้ไปนั่งกินกาแฟ โรงอาหาร ไม่ต้องเข้ามาอะไรแบบนี้ หรือเข้ามาก็ให้ช้าหน่อย จนเขาเสร็จสิ้นไปแล้ว อันนี้เป็นการเล่นเกมการเมืองกัน มันทำให้ประเทศชาติเสียหาย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้อยู่แล้ว โดยเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว แล้วเพิ่งเปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบ มันก็ไม่ควรแก้ ควรจะใช้กลไกของรัฐสภาทำหน้าที่แก้ไขปัญหาของประชาชนมากกว่าแก้ไขปัญหาให้ตัวเอง

“ที่ทำอยู่นี่เพื่อตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อประชาชนโยกไปโยนมามันเสียเวลา กฎหมายที่จะทำให้พี่น้องประชาชนแทนที่จะเข้ารัฐสภาไปมันก็ไม่ผ่าน พวกเล่นเกมขอให้พี่น้องประชาชนรู้ไว้ว่าอย่าไปเลือกมันต่อไป เพราะมันคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าว

เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย คือการเข้าประชุมทุกครั้งใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ใช่ แม้จะแพ้ก็ช่างมัน ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การจงใจไม่แสดงตนเป็นกลไกรัฐสภาที่จะใช้ยับยั้งกฎหมายที่ไม่เห็นชอบได้นั้น เขาก็พูดไปแบบนั้น แต่จะร่วมมือให้กฎหมายผ่านหรือไม่ ไปตามข้อเท็จจริงและตัวกฎหมาย การเข้าร่วมประชุมแพ้หรือชนะก็เป็นไปตามกลไก แต่การที่จะบอกว่าไม่เอา อยากให้ล่ม ตนมองว่าไม่ดี

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ตนได้อภิปรายนี้มาโดยตลอด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี คนทั่วไปอาจจะนับแค่ปี 2562 เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยังไม่บังคับใช้ แต่หากไปดูมาตรา 264 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ดำรงตำแหน่งก่อนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560  ให้บังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหมดวาระก่อน 8 ปี

“จะกลายเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ผมถึงบอกแล้วว่าแม้กระทั่งเด็ก ม.6 ยังอ่านได้ ผมไม่เอาถึง ป.4 เพราะ ป.4 อาจจะยังงงๆอยู่นะ ม.6 อ่านได้รู้ว่าเป็นยังไง แล้วผมอธิบายต่อว่ายังไงคุณประยุทธ์ วันที่ 23 คุณต้องลาออกแล้วให้มีการสรรหานายกฯใหม่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจว่ามีช่องทางตามกฎหมาย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา อย่างไรก็ตามต้องลาออกไม่เช่นนั้น การกระทำตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป การประชุมคณะรัฐมนตรีหรือการทำสัญญากับต่างประเทศถือเป็นโมฆะทั้งหมด เพราะไม่อยู่ในอำนาจแล้ว 

“อย่างผมเป็นข้าราชการ เขาให้เกษียณ อายุ 60 ปี พออายุ 60 ปี สัญญาณดังเป๊ง ก็เซ็นอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าเซ็นก็ต้องเซ็นต่อสัญญาไปเลย หรือถ้าจะเลยไปหน่อย ก็ต้องลงวันที่ย้อนหลัง ออกเลขที่รับหนังสือย้อนหลัง ให้เป็นไปตามระบบ อันนี้ก็เหมือนกัน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวเตือนพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ให้ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่ลาออกจะถือเป็นการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีและจะถือมีความผิดเช่นกัน ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายเป็นอย่างดี หากหลังจากนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสภาก็ถือมีความผิดด้วยเช่นกัน