“เสรีพิศุทธ์” หอบหลักฐานยื่น กกต.ยุบ 7 “พรรคเล็ก” ปมรับเงิน-ถูกครอบงำ

“เสรีพิศุทธ์” หอบหลักฐานคลิปเสียง-เอกสารจ่ายเงินเดือน ยื่นร้อง กกต. ขอให้พิจารณายุบ 7 “พรรคเล็ก” พ่วง “พรรคใหญ่” ปมสนับสนุนเงินเดือน เข้าข่ายครอบงำ “สมชัย” เตือน กกต.ชุดนี้ ทำคดีตรงไปตรงมา ไม่อยากเห็นต้องติดคุก

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ดำเนินการพิจารณายุบพรรคการเมืองขนาดเล็ก 7 พรรค รวมถึงพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ที่สนับสนุนให้เงินเดือน เข้าข่ายการถูกครอบงำทางการเมือง 

โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาที่เคยมีการพิจารณาเอาสูตรการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการหารด้วย 100 หรือ 500 พรรคการเมืองขนาดใหญ่ต่างก็ต้องเอาสิ่งที่ตัวเองเป็นประโยชน์ แต่ได้พบว่ามีลักษณะการล็อบบี้ ส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก และมีกระแสข่าวว่า ส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก จะไปเข้าร่วมกับพรรคใหญ่ อย่าง พรรคพลังประชารัฐ จึงมองว่า ยอมเป็นทาสทางการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่บงการ อาทิ

  • พรรคพลังไทยรักไทย
  • พรรคประชาธรรมไทย
  • พรรคครูเพื่อประชาชน
  • พรรคพลังธรรมใหม่

ได้มีการพบปะกับ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นลักษณะของการยินยอมให้มีการครอบงำ ด้วยการไปรับเงินเดือน คลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเพราะพรรคการเมืองขนาดเล็ก บางพรรค มีความเห็นที่ไม่ตรงกับพรรคการเมืองใหญ่  จึงเป็นไปได้ว่าพรรคการเมืองใหญ่ไม่พอใจ จนมีการเผยแพร่คลิปเสียงออกมา แต่เมื่อมีคลิปเสียงออกมาก็ย่อมมีการปฏิเสธ จึงมีการอ้างว่าเป็นลักษณะการกู้ยืมเงิน ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีสัญญากู้ยืมเงินตามกฎหมาย 

อีกทั้งยังระบุว่าเป็นการรับเงินทุกเดือน โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เป็นผู้ดูแล ดังนั้นจึงมีหลักฐานชัดเจนจากคลิปและการออกมาพูดของบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ จึงถือได้ว่าเหตุดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา 28 และ 29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ส่งผลให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ถูกยุบพรรคได้  ส่วนพรรคการเมืองที่มีการครอบงำ ก็อาจส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทุกข์ลงโทษจำคุก ซึ่งในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้มาแล้ว 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสอบในชั้นกรรมาธิการปราบปรามทุจริต (กมธ.ป.ป.ช.) โดยเฉพาะตนได้มายื่นต่อ กกต.ให้ตรวจสอบโดยตรงอยู่แล้ว ในกรณีนี้ไม่รวมถึงการล็อบบี้ระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส.ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีการตรวจสอบอยู่ในชั้น กมธ.ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ 

ส่วนนายสมชัย ศรีสุทธิยาการ อดีต กกต. และประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการยื่นร้องกรณีนี้ว่า ต้องการให้กฎหมายที่มีอยู่เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ตามมาตรา 28 และ 29 ของกฎหมายพรรคการเมืองฯ มีการเขียนชัดเจนว่า เพื่อเป็นการป้องกันบุคคลภายนอกครอบงำพรรคการเมือง โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้พรรคการเมืองมีความเป็นอิสระ หลักฐานครั้งนี้ถือว่าชัดเจนเพราะมีการให้เงินพรรคการเมืองแบบรายเดือน ถือเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็ว และต้องตรงไปตรงมา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน หาก กกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นร้องครั้งนี้ก็จะมีการส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคต่อไป และสามารถทำได้เร็วที่สุดภายใน 15 วัน หลังศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่อง โดยหวังว่าหลักฐานวันนี้ กกต.จะทำให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และสื่อสารถึงความคืบหน้ากับประชาชน เพราะ กกต.เอง สอบตกในเรื่องของคะแนนความโปร่งใส เรื่องนี้ก็จะเป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีให้กับทาง กกต.ว่าจะทำงานตรงไปตรงมาหรือไม่ เตือนในฐานะที่เคยเป็นอดีต กกต.ที่ไม่อยากเห็นคนของ กกต.ต้องติดคุก