"ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ "พรรคเล็ก" หลังไลน์หลุดรับกล้วยรายเดือน

"ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ "พรรคเล็ก" หลังไลน์หลุดรับกล้วยรายเดือน

"ศรีสุวรรณ" เตรียมจัดหนัก เล็งรวบรวมหลักฐานยื่น ป.ป.ช. สอบปม "ส.ส.พรรคเล็ก" รับผลประโยชน์หรือไม่ หลังมีไลน์หลุดเซ็นชื่อรับกล้วยรายเดือน ระหว่างศึกซักฟอก

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ข้อมูลจากกรณีไลน์หลุดออกมา ซึ่งมีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่า มีรายชื่อ ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นต์ชื่อรับเงินเดือนประจำเดือนมีนาคม 2563 หลายคน และมีภาพหลักฐานสลิปการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง ซึ่งเป็นชื่อของหัวหน้าพรรคการเมืองเล็ก ๆ รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มการเมืองที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่า เป็นเงินรายเดือนจำนวนมากที่มีการจ่ายกันเป็นรายเดือน

โดยกรณีนี้สืบเนื่องจากภายหลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่ง ว่า "พรรคพวกนี้ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา รับเงินเดือนจากใครให้จำไว้ ผมมีลายเซ็นทุกอย่าง รับเกิน 3,000 บาทระวังไว้เถอะ" หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีไลน์หลักฐานการโอนเงินให้กับนักการเมืองพรรคเล็กต่าง ๆ ผ่านสื่อมวลชนเผยแพร่เต็มโซเชียลมีเดียไปหมด ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่านักการเมืองต่าง ๆ มีพฤติการณ์การรับเงินกันจริงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างกันหรือไม่ 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่มี ส.ส.รับเงินกันดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.128 วรรคแรก แห่ง พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจํานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด”

โดย ป.ป.ช.ได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563 แล้ว กำหนดว่า เจ้าพนักงานของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้แต่ละโอกาสไม่เกินสามพันบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ส.ส.ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม ม.169 แห่ง พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2560 ข้อ 8  ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสองได้ ซึ่งหาก ป.ป.ช. ชี้มูลว่า ฝ่าฝืนจริงก็อาจยื่นคำร้องส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ ส.ส.ผู้นั้น และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2560 มาตรา 235 และ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87 นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมพยานหลักฐานจากแหล่งที่ปรากฏในสื่อสำนักต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มไลน์ต่าง ๆ และแหล่งข่าว เพื่อนำไปประมวลยื่นให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งหากได้หลักฐานเพียงพอ ก็คาดว่าจะนำไปยื่นได้ในสัปดาห์หน้านี้