"ก้าวไกล" ขอดูท่าที "ศท." มาอยู่ฝ่ายค้าน แต่ "ธรรมนัส" ยังสนิท "บิ๊กป้อม"

"ก้าวไกล" ขอดูท่าที "ศท." มาอยู่ฝ่ายค้าน แต่ "ธรรมนัส" ยังสนิท "บิ๊กป้อม"

"ก้าวไกล" ขอดูท่าที "พรรคเศรษฐกิจไทย" ก่อน ย้ายมาร่วม "ฝ่ายค้าน" จริงหรือไม่ ต้องมาคุยกัน จะปุ๊บปั๊บย้ายมาไม่ได้ เหตุ "ธรรมนัส "ยังมีสัมพันธ์กับ "บิ๊กป้อม"

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล และจะขอร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมตรีรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ด้วย ว่า พรรคเศรษฐกิจไทย ต้องมาคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยคุยกัน ซึ่งจะปุ๊ปปั๊บมา ไม่ได้ ต้องคุยกันก่อนว่าได้หรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ไม่มีความชัดเจน ต้องจัดการก่อน แต่การที่จะมาขอเวลาร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจจากพรรคฝ่ายค้าน ต้องมาคุยกันว่าจะเอาอย่างไร

เมื่อถามว่า หากพรรคเศรษฐกิจไทยเข้าร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย จะเป็นการเกลี้ยกล่อมพรรคเล็กให้ลงมติไม่ไว้วางใจในตัวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าพรรคเล็กยังสามารถลงมติไปแนวเดียวกันหรือไม่ เพราะพรรคเล็กแต่ละพรรคมีท่าทีของเขา เมื่อดูจากที่ผ่านมาในแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ทุกเรื่องจะลงมติตามกันทั้งหมด แต่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ พรรคเล็กเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คะแนนของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย คนไหนจะมากหรือน้อย เป็นผลต่อความเชื่อถือทางการเมือง เพราะหากรัฐมนตรีได้คะแนนน้อยกว่าคนอื่นมาก จะเสียความเชื่อถือทางการเมืองไป

เมื่อถามอีกว่า การที่พรรคเศรษฐกิจไทย มีจุดยืนในเรื่องดังกล่าว เป็นสัญญาณทางการเมืองให้ดึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นออกมาหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ในช่วงของปีสุดท้ายของการเลือกตั้ง ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เพราะในแต่ละพรรคก็จะต้องรักษาจุดยืน และความนิยมของประชาชนไว้เพื่อในการเลือกตั้ง ประเด็นไหนเป็นลักษณะที่ประชาชนรับไม่ได้ หรือรุนแรง เชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเดิม เพื่อความพยายามที่จะอยู่ให้ได้

“แต่ท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทย จะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นผลมาจากการแพ้การเลือกตั้งในลำปาง แพ้ให้กับพรรคเสรีรวมไทย และเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่า ถ้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะอยู่แบบไม่ชัดเจนแบบเดิม ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ได้เพราะโอกาสที่จะได้ ส.ส.ในจำนวนที่พอใจจะยาก เขาก็เลยเปลี่ยนท่าทีมาให้ชัดเจนขึ้น อยากจะมาอยู่ฝ่ายค้านที่อยู่ตรงข้ามกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และตามที่ทราบมาว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ลงรอยกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาระยะหนึ่ง และค่อนข้างรุนแรง จึงมีท่าทีแบบนี้ แต่การเมืองที่บอกว่าขาดกัน 100% ความสัมพันธ์ของ ร.อ.ธรรมนัส กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่ถึงขั้นขาดกันจริง ๆ และ พล.อ.ประวิตร เชื่อมโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแนบแน่นอีก ในส่วนนี้จะบอกว่าขาดจริง ๆ มันก็ต้องพิสูจน์ว่า ขาดได้จริงหรือไม่ เช่น การลงมติยืนข้างฝ่ายค้าน หรือการอภิปรายอย่างเด็ดขาด โดยต้องแสดงให้เห็น แค่ท่าทีคงไม่เพียงพอว่ามาอยู่ฝ่ายค้านแล้ว” นายธีรัจชัย กล่าว