ศาลคดีทุจริตฯ ภาค 9 ออกหมายจับ “เอกชน” คู่เทียบคดีซื้อรถซ่อมทาง อบจ.สงขลา

ศาลคดีทุจริตฯ ภาค 9 ออกหมายจับ “เอกชน” คู่เทียบคดีซื้อรถซ่อมทาง อบจ.สงขลา

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 9 อนุมัติหมายจับ “กลุ่มเอกชน” ทั้งผู้ชนะ-คู่เทียบโดนหมด ถูกกล่าวหา “ฮั้วประมูล” คดีจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน อบจ.สงขลา

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 อนุมัติหมายจับกลุ่มบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมการประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมวงเงินกว่า 50 ล้านบาท ครั้งที่ 1 และ 2 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา เมื่อปี 2555 แล้ว ตามการยื่นคำร้องของพนักงานอัยการ ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา มีความเห็นควรสั่งฟ้องกลุ่มเอกชนดังกล่าว ในความผิดฐานปลอมปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 และ 268 และตาม พ.ร.บ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 14 (2) และมาตรา 14 วรรคสาม

โดยรายชื่อบุคคลที่ถูกศาลอนุมัติ คือผู้บริหารในบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในการประมูลรถ 2 คันข้างต้น ได้แก่ นางญาณี ลิ้มสถิรานันท์ หรืออารยะทรงศักดิ์ นางชวลี เทียนงามสัจ บริษัท เอ็กซ์ ทู ที อินดัสตรี จำกัด โดยนายสุรพงษ์ ตรียานนท์ บริษัท คีเอทอินโนเวชั่น จำกัด โดยนางชวลี เทียนงามสัจ บริษัท อะมีลัม จำกัด โดยได้แก่ นางญาณี ลิ้มสถิรานันท์ หรืออารยะทรงศักดิ์ โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า ได้ร่วมกันกระทำความผิดในการประมูลเป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย

อนึ่ง ในช่วงที่เกิดเหตุดังกล่าว นายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา (ปัจจุบันเป็น รมช.มหาดไทย) มีคำสั่งชะลอการจ่ายเงินให้แก่ผู้ชนะการประมูล เนื่องจากมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า เกิดการฮั้วประมูลเกิดขึ้น และดำเนินการแจ้งความแก่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าว

ส่งผลให้นายนิพนธ์ถูกร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมชำระเงินค่าซื้อรถซ่อมบำรุงทางทั้ง 2 คันดังกล่าว โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ และส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) ต่อมามีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการและฝ่าย ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ทางคดี สุดท้ายไม่มีข้อยุติ และ อสส.มีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายนิพนธ์ โดยส่งสำนวนคืนไปยัง ป.ป.ช. อย่างไรก็ดีที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติฟ้องคดีนี้เองแล้ว

ส่วนคดีทางแพ่ง บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด เอกชนผู้ชนะการประมูลดังกล่าว ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถ 2 คันดังกล่าว โดยศาลปกครองจังหวัดสงขลาพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถ 2 คันดังกล่าว รวมดอกเบี้ยเป็นเงินประมาณ 80 ล้านบาท ต่อมาศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืน เท่ากับว่าคดีทางแพ่งสิ้นสุดลงแล้ว