5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

โค้งสุดท้ายโหมนโยบายกู้ “กทม.” 5 แคนดิเดตประชันไอเดีย หารายได้เพิ่ม กทม. - พัฒนาเมือง ไฟเขียวเวทีชุมนุม ดูแลสิทธิในทุกมิติ - แก้กฎหมาย “ตึกสูง” กทม.ที่ล้าหลัง

15 พ.ค.2565 “เครือเนชั่น” จัดเวทีดีเบตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. “โค้งสุดท้าย...ศึกชิงผู้ว่าฯกทม. 2565 คนที่ 17 จะเป็นใคร ? ” ณ พาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. ร่วมเวที ประกอบด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 สังกัดพรรคก้าวไกล นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 ผู้สมัครอิสระ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครหมายเลข 4 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครหมายเลข 8 ผู้สมัครอิสระ และน.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครหมายเลข 11 สังกัดพรรคไทยสร้างไทย ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครหมายเลข 6 ผู้สมัครอิสระ ไม่ได้เข้าร่วมเวทีดีเบตในครั้งนี้

รูปแบบการดีเบตในช่วงแรก ผู้ดำเนินรายการจะจับสลากคำถาม และสุ่มให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ทั้ง 5 คน ตอบคำถามลักษณะประชัน 2-3 คน 

สร้างรายได้จากท่องเที่ยว-ภาษีโรงแรม

 โดยหนึ่งในคำถาม เกี่ยวกับการพัฒนา กทม.ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว นายสกลธี กล่าวถึงโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวกทม.อย่างยั่งยืนว่า เมื่อปี 2559 กทม.มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก แต่เราไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ประเทศไทยไม่เคยเก็บภาษีโรงแรม ตนจะเก็บภาษีโรงแรมซึ่งจะมีรายได้กว่าหมื่นล้าน เพื่อนำไปพัฒนาชีวิตคน กทม.ในด้านอื่น

นายสุชัชวีร์ กล่าวถึงโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวกทม.อย่างยั่งยืนว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกจะไม่กลับมาเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวจะคำนึงถึงความปลอดภัยจากโรคติดต่อในการเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้นเราต้องทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในความปลอดภัย เมื่อมีความปลอดภัยเราต้องประชาสัมพันธ์ให้เกิด 12 เทศกาลใหญ่ 50 เทศกาลเขต เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาแล้วกลับมาเที่ยวอีก

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีคนมาพักโรงแรมจำนวนมาก แต่เราไม่เคยเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพัก โรงแรม 8 หมื่นกว่าแห่ง เข้าระบบเพียงแค่ 2 หมื่นแห่ง ดังนั้นผู้ว่าฯกทม.ต้องผลักดันให้แก้กฎหมายให้โรงแรมเข้าสู่ระบบ เพื่อจัดเก็บรายได้นำไปพัฒนา กทม.ในด้านอื่น

เพิ่มสิทธิคนพิการ-การจ้างงานตามกม.

ขณะที่คำถามการเข้าถึงสิทธิของคนพิการ น.ต.ศิธา เป็นผู้ตอบว่า กทม.และหน่วยงานของรัฐ ไม่เคยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนอย่างจริงๆ คนพิการอยู่หลังสุดมาตลอด อันดับแรก กทม.ต้องให้คนเข้าถึงบริการภาครัฐ ส่งเสริมอาชีพให้คนพิการ ทุกหน่วยงานสังกัดกทม.ต้องมีตำแหน่งงานให้คนพิการ ต้องจัดงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับคนพิการในทุกส่วนที่คนพิการจะเข้าถึงได้

ด้านนายสกลธี ระบุว่า ตนจะทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการ และกทม.ต้องจ้างงานคนพิการ ซึ่งขณะนี้ไม่เคยมีหน่วยงานไหนที่รับคนพิการเข้าทำงานครบ 1% ตามที่กำหนดเอาไว้ และจะไม่กำหนดว่าต้องจบวุฒิการศึกษาอะไร นอกจากนี้ ตนจะฝึกอาชีพให้คนพิการ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

ใช้พื้นที่รัฐช่วยปชช.-แก้หาบเร่แผงลอย

สำหรับคำถามการแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย นายชัชชาติ กล่าวว่า หาบเร่แผงลอยต้องอยู่กับ กทม. ที่ผ่านมาเรามีจุดผ่อนผัน 84 จุด ผู้ค้าหายไปในระบบกว่า 1 หมื่นคน ดังนั้นเราจะลงทะเบียนหาเร่แผงลอย อบรมให้ความรู้เรื่องสุขลักษณะ ตั้งกรรมการระดับพื้นที่ เพื่อดูแลการค้าขายหาบแร่แผงลอย พร้อมกับใช้พื้นที่ของรัฐเปิดให้ประชาชนมาค้าขายได้

ส่วนนายสกลธี กล่าวว่า ตนจะช่วยเหลือทั้งระบบ ซึ่งมีงบประมาณในการช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยอยู่แล้ว นอกจากนี้จะต้องใช้พื้นที่ของหน่วยงานราชการ นำมาให้ประชาชนค้าขาย เราจะดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียม

ใช้เทคโนโลยีป้องกัน-แก้น้ำท่วม

 คำถามเรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น.ต.ศิธา กล่าวว่า กทม.เรามีคลองจำนวนมาก แต่เมื่อฝนตกน้ำยังเต็มคลองอยู่ ดังนั้นต้องใช้เทคโนโลยีตรวจสอบดูว่าฝนจะตกในอีกกี่วัน เพื่อระบายน้ำรอเอาไว้ป้องกันน้ำท่วม

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ปัญหามาจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ดี งบปรับปรุงสถานีสูบน้ำ และงบลอกท่อ มีการถูกตัดงบประมาณ อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณมีความคืบหน้าแค่ 8% ทำให้เห็นว่าคนที่รับงานไปไม่สามารถทำงานได้ ทำเพียงส่งงานต่อ ดังนั้นเราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้

ชงทำอีไอเอแก้ปัญหาสร้างตึกสูง

คำถามเรื่องแก้ไขปัญหาตึกสูง และทางเท้า นายชัชชาติ กล่าวว่า เราต้องทำทางเท้าให้ได้มาตรฐาน ใช้ได้ในระยะยาว ไม่ควรปล่อยให้ผู้รับเหมาคุมงานด้วยตัวเอง กทม.ต้องทำฟุตบาทให้ดีอย่างน้อย 1,000 กิโลเมตร สำหรับตึกสูงต้องทำอีไอเอทุกตึก และต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่พิธีกรรม กทม.เป็นเจ้าภาพต้องจริงจัง การก่อสร้างเป็นไปตามเงื่อนไขหรือไม่

น.ต.ศิธา กล่าวว่า กรณีตึกสูงกฎหมายของ กทม.ค่อนข้างล้าหลัง เรายังใช้กฎหมายให้เหมาะกับชุมชน หากชุมชนยอมให้เจ้าของกิจการสร้างทุกสูง โดยใช้ธรรมนูญของแต่ละชุมชนมาประกอบการตัดสินใจ

เล็งใช้เทคโนโลยีพัฒนาเมืองทุกด้าน

คำถามการพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองอัจฉริยะ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนขอใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาซ้ำซาก เมืองอัจฉริยะจะคืนความสุข คืนเวลา คืนความปลอดภัยให้กับประชาชน ภายใน 4 ปี คน กทม.ต้องได้ใช้อินเทอเน็ตฟรี หากออนไลน์ทั้งหมดจะขจัดการทุจริตไปด้วย ปัญหาของ กทม.น้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ หากใช้เครือข่ายไวไฟ ช่วยอำนวยการแก้ปัญหาน้ำท่วม ชีวิตคนกทม.จะเปลี่ยนไป สิ่งที่ตนพูดตนเคยทำมาแล้ว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราต้องเลิกสำลักเทคโนโลยีที่ล้นเกิน เราต้องมีเทคโนโลยีที่โปร่งใส สามารถใช้ตรวจสอบการทุจริตได้ เราต้องไม่บ้ากับเทคโนโลยีเกินความเป็นจริง นอกจากนี้ หากเราเก็บภาษีป้ายให้ครบถ้วน เราจะมีเงินอุดหนุนบริษัทเล็กๆ ในกทม. เพื่อกระจายเงินไปยังทุกฝ่าย

เร่งป้องกัน กทม.จมน้ำทะเล

คำถามภายใน 4 ปี จะเปลี่ยนแปลง กทม.อย่างไร นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ใน 4 ปี คนกทม.จะได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพราะจะสร้างความเปลี่ยนแปลง และตนบอกไว้เลยว่า กทม.กำลังจะจมน้ำ ดังนั้นตนจะเริ่มโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุน เพื่อป้องกัน กทม.จมน้ำทะเล

นายสกลธี กล่าวว่า คนกทม.จะเห็นคนที่หาเงินได้ และใช้เงินเป็น ก่อนจะกระจายงบประมาณอย่างเท่าเทียม และเงินของกทม.ต้องกระจายไปยังชุมชนทุกแห่ง เพื่อดูแลคน กทม.ให้ได้หมด

เห็นพ้องไฟเขียวเวทีม็อบ-ดูแลทุกมิติ

สำหรับคำถามสุดท้ายที่ผู้สมัครทั้ง 5 คน จะต้องตอบคำถามเดียวกัน โดยผู้ดำเนินรายการถามว่า จะทำอย่างไรให้คน กทม.เลือก และมีวิธีบริหารจัดการม็อบอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนจะจัดเวทีให้มีการชุมนุม เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน จะไม่มีการปิดรถไฟฟ้า จะดูแลความปลอดภัย ที่นี่ต้องไม่ใช่เขตกระสุนจริง ที่ยิงคนตายอีกต่อไป

นายวิโรจน์ ระบุด้วยว่า เราต้องจัดเก็บรายได้จากคนตัวใหญ่อย่างเป็นธรรม เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้คนตัวเล็ก ที่สำคัญเราต้องเติมสวัสดิการผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ ให้ได้ นอกจากนี้ เราต้องกระจายงบประมาณจากส่วนกลางลงมาที่ชุมชนทั้ง 50 เขต เพื่อให้เขาแก้ไขปัญหาของเขาเอง เมื่อผมทำแล้วคนอื่นจะมาแก้ไม่ได้

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

นายสกลธี กล่าวว่า ตนยินดีสนับสนุนการชุมนุมให้ถูกต้อง ส่วนการเลือกตนเป็นผู้ว่าฯกทม. ตนจะลงพื้นที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในพื้นที่ ตนจะหารายได้ให้กทม.เพิ่มขึ้น และเมื่อหามาได้ต้องใช้เงินให้เป็น ไม่มาละลายงบประมาณ ตนจะทำโครงการที่มีความยั่งยืน หากประชาชนให้โอกาสตน เท่ากับให้โอกาส กทม.เปลี่ยนแปลง คนกทม.ต้องเลือกให้ขาด

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้ กทม.ต้องได้คนที่มีความคิดใหม่ หากปล่อยให้ 4 ปีผ่านไปโดยไม่แก้ไขปัญหาจะหนักคิด ตนมาพร้อมหลักวิศวกรรม ตนมั่นใจว่าตนทำได้ดีที่สุด ผู้ว่าฯกทม.ไม่ใช่ใครก็ทำได้ เรื่องน้ำท่วมต้องมีความเข้าใจลึกซึ้ง เรื่องการศึกษาตนก็ทำมาก่อน 

“คงไม่มีใครการันตีได้ว่าใครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่ดีที่สุด แต่ผมการันตีได้ว่าจะเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่มุ่งมั่นที่สุด นโยบายของผมสามารถทำได้จริง ผมคิดว่าคนกทม.คือครอบครัวของผม หากมีการชุมนุมใดๆ ที่ทำตามกฎหมาย ผมจะดูแลอย่างเต็มที่ และจะไม่เป็นคนสองมาตรฐาน”

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องการชุมนุม เราต้องดูแลให้เต็มที่ ทั้งน้ำดื่ม ห้องน้ำ การแพทย์ กทม.ต้องดูแลผู้ชุมนุมอย่างเท่าเทียมกัน ตนเดินในกทม.มา 2 ปีครึ่ง คนกทม.อยากได้เมืองที่น่าอยู่ เราจึงต้องการทำให้กทม.น่าอยู่สำหรับทุกคน กทม.มีหน้าที่ 3 อย่าง 1.ดูคุณภาพชีวิตของคน 2.ประสิทธิภาพของเมือง ต้องทำให้โปร่งใส ไม่มีส่วน ไม่มีเส้น 3.สร้างโอกาสของเมือง กำหนดทิศทางให้ชัดเจน "คนกทม.หมดหวัง ผมพร้อมเป็นความหวังให้คนกทม." 

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.

น.ต.ศิธา กล่าวว่า เรื่องการชุมนุมต้องทำ 2 ส่วน ในหลักมนุษยชน ต้องดูแลในทุกมิติ ส่วนการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นต้องมาหารือกัน ต้องบริหารจัดการให้พอดี ส่วนการทำงานของผู้ว่าฯกทม. ตนจะใช้ประสบการณ์ในอดีตมาทำงานร่วมกับกทม. และจะใช้งบประมาณของคน กทม.อย่างคุ้มค่ามากที่สุด บางเรื่องไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ แต่ต้องบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ

5 แคนดิเดตผู้ว่าฯ ไฟเขียวเวทีชุมนุมดูแลสิทธิทุกมิติ-โหมนโยบายกู้กทม.